ดร.สมยศ ติรนวัฒนานันท์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานบริษัทและบริษัทย่อย งวดไตรมาส 1/2566 มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 1,127.31 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 924.53 ล้านบาทปรับตัวเพิ่มขึ้น 21.93% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 46.30 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 68.16 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้นจากการลงทุนเพิ่มในโครงการรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะทำให้ในอนาคตมีกำไรเพิ่มขึ้น
ดร.สมยศ กล่าวต่อว่า งวดไตรมาส 1/2566 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจขายแก๊ส จำนวน 156.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.91 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 49.78% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยระหว่างงวดปรับเพิ่มขึ้น 37.25% เพื่อให้สอดคล้องกับราคาต้นทุน LPG ที่ปรับราคาขึ้นตามประกาศของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ประกอบกับปริมาณการขายแก๊สรวมของบริษัทเพิ่มขึ้น ในภาคขนส่ง 13.34% และภาคอุตสาหกรรม 12.12% ซึ่งเกิดจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศมีความผันผวนและมีราคาสูง
ส่วนธุรกิจขนส่งทางบก มีรายได้จำนวน 5.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.89% เนื่องจากกลุ่มบริษัทได้ขยายฐานลูกค้าไปในส่วนงานขนส่ง LPG กับบุคคลภายนอกเพิ่มมากขึ้น ภายหลังจากสิ้นสุดสัญญาการให้บริการขนส่งแอมโมเนียจากผู้ว่าจ้างเมื่อปี 2564
สำหรับธุรกิจรับเหมาก่อสร้างบริษัทมีรายได้ จำนวน 878.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.19% เป็นผลมาจากการส่งมอบงานรับเหมาก่อสร้างน้ำมันและแก๊สที่ได้รับการว่าจ้างตั้งแต่ ปี 2565 ซึ่งอยู่ในช่วงกลางสัญญา จึงทำให้สามารถส่งมอบอำนาจควบคุมในงานให้กับลูกค้าได้มากกว่าปีก่อน โดยปัจจุบันกลุ่มบริษัทมีงานรับเหมาก่อ สร้างน้ำมันและแก๊สที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง ที่ยังไม่รับรู้รายได้ จำนวน 3,811.03 ล้านบาท ส่วนธุรกิจบริการธุรกิจจัดสรรทรัพยากรบุคคล ที่กลุ่มบริษัทได้ลงทุนในบริษัทย่อย สัดส่วน 51% ซึ่งประกอบธุรกิจจัดสรรทรัพยากรบุคคล มีรายได้ 63.09 ล้านบาท และมีรายได้อื่นๆ 8.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.86%
รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทตลอดทั้งปีนี้จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรายได้หลักยังคงมาจากธุรกิจรับเหมาก่อ สร้าง แต่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น นอกจากนี้ยังรวมไปถึงธุรกิจการให้บริการครบวงจร และยังมีอีกหลายธุรกิจที่บริษัทเข้าไปลงทุน มีศักยภาพที่อยู่ในเมกะเทรนด์ เริ่มเติบโตขึ้น และพร้อมส่งผลทำให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทเติบโตขึ้น