พีระพันธุ์ เตรียม “รื้อ ลด ปลด สร้าง” พลังงานไทย

Date:

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานแถลงผลงานกระทรวงพลังงานปี 2566 และแผนการดำเนินงานที่สำคัญในปี 2567 ภายใต้หัวข้อ “ปีแห่งการขับเคลื่อนพลังงานไทย สู่อนาคตที่ดีกว่า” โดยได้กล่าวว่า การดำเนินการในช่วงปี 2566 เป็นช่วงคาบเกี่ยวของ 2 รัฐบาล แต่ทั้ง 2 รัฐบาลก็ได้มีการช่วยเหลือประชาชนโดยการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ค่าก๊าซหุงต้ม รวมทั้งการกำชับการบริหารจัดการแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ให้สามารถดำเนินการได้ตามแผนการผลิต นอกจากนั้น ก็ได้มีการบริหารให้โรงแยกก๊าซธรรมชาติใช้ก๊าซในราคา Pool Gas (ราคาเฉลี่ยจากทุกแหล่งที่มา) ซึ่งได้ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าสามารถลดลงได้ ทั้งนี้ ในปี 2567 ได้เตรียมนโยบายสำคัญๆ โดยเฉพาะการ “รื้อ ลด ปลด สร้าง” ซึ่งจะมุ่งการแก้ไขระเบียบหรือกฎหมายที่ใช้มานาน ให้มีความเหมาะสม ทันสถานการณ์ โดยคำนึงถึงประชาชนเป็นที่ตั้ง จะมีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานครั้งใหญ่ ให้ประชาชนใช้พลังงานในราคาที่เหมาะสม เป็นธรรม และที่สำคัญ การดำเนินการจะวางรากฐานไว้ให้เกิดความยั่งยืน ไม่ฉาบฉวย รวมทั้งประชาชนสามารถเข้าถึงพลังงานได้อย่างเท่าเทียม

ด้าน นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญภาวะความผันผวนด้านพลังงานทั้งปัจจัยจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ สถานการณ์สู้รบระหว่างรัสเซีย – ยูเครน และ อิสราเอล – กลุ่มฮามาสที่มีความยืดเยื้อ รวมทั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์ 

โควิด ล้วนส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน และค่าครองชีพประชาชน กระทรวงพลังงานได้ดำเนินมาตรการสำคัญๆ หลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน ซึ่งได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนด้านราคาพลังงานที่เกิดจากปัจจัยดังกล่าว ซึ่งในส่วนของการช่วยเหลือจากภาครัฐในช่วงวิกฤตราคาพลังงาน ปี 2566 ได้ใช้งบประมาณ 100,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้ครอบคลุมทุกภาคส่วน ทั้งตรึงราคาค่าไฟฟ้า การตรึงราคาน้ำมันดีเซล และการลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน การตรึงราคาก๊าซหุงต้ม และ NGV นอกจากนั้น กระทรวงพลังงานก็ได้เป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยในปี 2566 มีการใช้เม็ดเงินลงทุนในภาคพลังงานไปแล้วกว่า 178,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชนครอบคลุมทุกภาคส่วน 

เปิดแผนการดำเนินงานที่สำคัญของกระทรวงพลังงาน ปี 2567

ส่วนแผนงานที่สำคัญของปี 2567 นายประเสริฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า ก็ยังคงมุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน เช่น การบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติให้เพียงพอในราคาที่เป็นธรรม การส่งเสริมโซลาร์ภาคราชการและภาคประชาชน ส่วนด้านโครงสร้างราคาพลังงาน ก็จะดำเนินตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยการศึกษาและปรับโครงสร้างราคาพลังงานทุกชนิดให้เหมาะสมและเป็นธรรม รวมทั้งการเปิดเสรีในกิจการพลังงานเพื่อให้เกิดการแข่งขัน ส่วนด้านส่งเสริมพลังงานสะอาด ก็จะส่งเสริมพลังงานชีวมวล ชีวภาพ พลังงานจากแสงอาทิตย์ พลังงานลม ให้มากขึ้น พร้อมไปกับการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการลดการปล่อย CO2 เพื่อให้ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น ที่ผ่านมา ก็ได้ร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร ในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งในส่วนของกระทรวงพลังงาน จะดำเนินการมาตรการลดฝุ่นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหัวเมืองที่ได้รับผลกระทบทั่วประเทศ  

ด้าน นายวรากร พรหโมบล อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวว่า ในส่วนของผลการดำเนินงานปี 2566 ที่สำคัญของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติที่ช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย การเร่งจัดหาก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมทั้งจากแหล่งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มเติมเข้าระบบ การให้สิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม สำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย ครั้งที่ 24 จำนวน 3 แปลง และการดำเนินงานในช่วงเปลี่ยนผ่านของแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย หมายเลข G2/61 อย่างราบรื่น และสำหรับในปี 2567 กรมฯ ยังคงมุ่งมั่น ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานด้วยการเร่งรัดการลงทุนและให้มีการผลิตก๊าซธรรมชาติอย่างต่อเนื่องของแหล่งในประทศ รวมทั้งส่งเสริมและประสานความร่วมมือในการจัดหาก๊าซธรรมชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน และเพื่อให้ประเทศสามารถพึ่งพาตนเองด้านพลังงานได้อย่างยั่งยืน กรมฯ ยังได้ เตรียมการเปิดให้ยื่นขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม สำหรับแปลงสำรวจบนบก (ครั้งที่ 25) ด้วย นอกจากนี้ กรมฯ ยังมีแผนการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยี การดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCS/CCUS) ทั้งด้านเทคนิค กฎหมาย มาตรการเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุน รวมทั้งความร่วมมือทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 2566 และแผนการดำเนินงานในปี 2567 โดยภาพรวมได้ดำเนินการปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นมาตรฐานยูโร 5 (กำมะถัน ไม่เกิน 10 ppm) เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป มีการส่งเสริมการติดตั้ง EV Charging Station ภายในสถานีบริการน้ำมัน โดยปี 2567 มีแผนจัดทำมาตรฐานติดตั้งทางไฟฟ้าและกำหนดกรอบการให้บริการติดตั้ง EV Charging Station รวมถึงการลงนาม MOU ระหว่าง 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเตรียมแผนลดชนิดหัวจ่ายน้ำมันกลุ่มดีเซล ให้เหลือน้ำมันดีเซลหมุนเร็วเกรดพื้นฐานชนิดเดียว (บี 7) เนื่องจากเป็นน้ำมันที่สามารถใช้กับรถยนต์มาตรฐานยูโร 5 ได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 (น้ำมันทางเลือก) เริ่ม 1 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังได้มีการพัฒนาระบบ e-Service เพื่อยกระดับการให้บริการประชาชน มีการพัฒนาระบบ Stockpile และ e-Fuelcard และปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ e-Safety e-Trade และ e-License และระบบสำรองข้อมูลเพื่อรองรับการดำเนินงานในรูปแบบ e-Service รวมทั้ง มีแผนส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจใหม่ (New Business) ของผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่มุ่งไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กล่าวว่า การดำเนินงานของ พพ. ในปี 2566 ได้สร้างความยั่งยืนด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ สนับสนุนการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ช่วยประชาชนกว่า 10,000 ครัวเรือน การติดตั้งและซ่อมแซมโซลาร์เซลล์สำหรับพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ช่วยเหลือชุมชนกว่า 7,200 ครัวเรือน  การเดินหน้าใช้กฎหมาย BEC เต็มตัว และที่สำคัญ พพ.ได้เปิดอาคารใหม่ Net zero energy building อาคารสำนักงานราชการใหญ่ที่สุดในไทย และในปี 2567 นั้น พพ. ยังคงเดินหน้าส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชน ผู้ประกอบการ ได้เข้าถึงพลังงานสะอาดและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพแบบครบวงจรมากขึ้น อาทิ มาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมการผลิตการใช้พลังงานทดแทนและอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง  มาตรการบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO)สำหรับหน่วยงานภาครัฐ และส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาสำหรับหน่วยงานรัฐ เป็นต้น

นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กล่าวว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา สนพ. ได้เร่งจัดทำร่างแผนปฏิบัติการด้านพลังงาน พ.ศ. 2566–2580 (ร่างแผนพลังงานชาติ ) ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญคือ การลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) ในภาคพลังงาน ภายในปี 2050 โดยร่างแผน NEP ประกอบด้วยแผนย่อย 5 แผนคือ แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) แผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP) แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) และแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan) ทั้งนี้ ในปี2567 จะมีการทบทวนและปรับปรุงแผน ร่างแผนพลังงานชาติเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน และเสนอร่างแผนฯ ต่อ กพช. และ ครม. เพื่อพิจารณาและประกาศใช้ต่อไป นอกจากนี้แผนงานในปี 2567 ของ สนพ. ยังมีเรื่อง การนำเสนอแนวทางการเปิดเสรีในกิจการไฟฟ้า ซึ่งจะมีโครงสร้างกิจการไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการแข่งขันในระยะทดลอง-นำร่อง พ.ศ. 2567 – 2568 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น ส่งเสริมให้เกิดกลไกการแข่งขันที่สะท้อนต้นทุนทางด้านราคาแทนการอุดหนุนทางด้านราคา และเปิดโอกาสให้มีธุรกิจใหม่ทางด้านพลังงานเกิดขึ้น และภาครัฐสามารถใช้เป็นกลไกให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero Carbon Emission ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อีกด้วย

“ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า ผมจะทำงานตามนโยบายต่างๆ ที่ผมได้วางไว้ ซึ่งมาตรการไหนที่ทำได้ ผมก็จะทำทันที อย่างเช่นการลดค่าไฟฟ้า ลดค่าน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม ในช่วง 3 – 4 เดือนที่ผ่านมา ส่วนมาตรการไหนที่ต้องใช้เวลา อย่างการแก้ไขกฎหมายกฎระเบียบต่างๆ ก็จะดำเนินการให้เร็วที่สุด อย่างในปัจจุบันเตรียมยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับน้ำมันสำหรับเกษตรกรและกลุ่มประมงให้ได้ภายในสมัยประชุมสภาที่จะถึงนี้ รวมทั้งการปรับโครงสร้างราคาพลังงานที่ผมย้ำเสมอ จะเร่งดำเนินการในปีนี้ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนได้อย่างครอบคลุมทุกภาคส่วน โดยในส่วนของโซลาร์เซลล์ก็จะเร่งดำเนินการให้เร็วขึ้น รวมทั้งจะเข้าไปดูแลการผลิตไฟฟ้าให้สอดคล้องและรองรับปริมาณของรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น และผมก็ขอขอบคุณข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยกันผลักดันมาตรการต่างๆ และพร้อมที่จะดำเนินนโยบายช่วยเหลือประชาชนต่อไปในอนาคตด้วย” นายพีระพันธุ์ กล่าว  

Share post:

spot_img

Related articles

AIS เตรียมออกหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนครั้งแรก ในอุตฯ โทรคมนาคมไทย

AIS เตรียมออกหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืนครั้งแรกในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย เสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไป ชูอันดับความน่าเชื่อถือระดับ “AAA(tha)”

บิ๊กข้าราชการเกษียณ ตั้งพรรคเจ๊งทุกราย

“เทพไท เสนพงศ์” บิ๊กข้าราชการเกษียณ ตั้งพรรคเจ๊งทุกราย

ttb analytics คาดธุรกิจโรงแรมปี 67 รายได้แตะ 3.70 แสนล้านบาท

ttb analytics มองรายได้ธุรกิจโรงแรมปี 2567 เพิ่มแตะ 3.70 แสนล้านบาท บนความเปราะบางของการเติบโตแบบไม่สมมาตร

คลังแจงพร้อมจ่ายเงินหมื่นกลุ่มเปราะบาง

คลังแจงพร้อมจ่ายเงินหมื่นกลุ่มเปราะบาง แนะแนวทางการรับเงินละเอียด 1.4 แสนล้านบาท

Notice: ob_end_flush(): Failed to send buffer of zlib output compression (0) in /home/ozapeumy/public_html/wp-includes/functions.php on line 5427