นายอภิชาติ ผู้บเรรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด หรือ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า หลังแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจไทยในปีนี้ถูกหั่นลง และกำไร บจ.ในไตรมาสที่ผ่านมาส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด ทำให้ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) กำลังตั้งหลักใหม่ มีกรอบเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,350-1,405 จุด อย่างไรก็ตาม บล.ทิสโก้เริ่มเห็น 5 สัญญาณเชิงบวกที่น่าจะช่วยหนุน SET Index ฟื้นตัวจนสามารถทะลุออกจากกรอบด้านบนที่ 1,405 จุดได้
สำหรับประเด็นบวกที่หนุนหุ้นไทยที่ บล.ทิสโก้ คาดคือ
1. อัตราดอกเบี้ยไทยมีแนวโน้มปรับลง แม้ประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ถูกหั่นลงมาที่ระดับประมาณ 3% แต่ยังเป็นอัตราเติบโตดีสุดในรอบ 5 ปี โดยการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 คาดว่าเกิดขึ้นได้ภายในเดือนพฤษภาคมจะเป็นปัจจัยบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในนี้ ขณะที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่คาดว่าจะลดลง ทำให้แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสจะถูกปรับลดลง 0.50% ในช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งการลดดอกเบี้ยลงทุก ๆ 0.25% จะช่วยเปิดโอกาสการปรับขึ้น (Upside) ราว 45 จุด หรือ +3% สำหรับดัชนีหุ้นไทย
2. ตลาดเริ่มยอมรับว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะลดดอกเบี้ยลงได้ช้า โดยปรับลดคาดการณ์การลดดอกเบี้ยครั้งแรกของ FED จะเกิดขึ้นจากเดิมเดือนพฤษภาคมเป็นเดือนมิถุนายน และโอกาสการลดดอกเบี้ยในปีนี้ลดลงเหลือเพียง 3 ครั้ง เท่ากับ Dot Plot ของ FED ในเดือนธันวาคมและช่วงต้นปีนี้ที่ตลาดคาดจะลดมากถึง 6 ครั้ง
3. ตลาดหุ้นจีนและเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังตรุษจีน ตลาดหุ้นจีนฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขานรับทางการจีนทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนถือเป็นความหวังเชิงบวกของตลาดหุ้นไทยด้วย เพราะนอกจากเศรษฐกิจไทยจะเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีนในระดับสูงแล้ว ภายหลังการระบาดของ COVID-19 หรือนับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นจีนและไทยมีความสัมพันธ์เชิงบวกมากขึ้น บล.ทิสโก้แนะนำให้ติดตามการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ในวันที่ 5 มีนาคมนี้ เพื่อกำหนดเป้าหมายและทิศทางเศรษฐกิจในปี2567
4.การยกระดับการกำกับดูแลการขายชอร์ต (Short Selling) และการใช้คอมพิวเตอร์ส่งคำสั่งซื้อขาย (Program Trading) ของตลาดหลักทรัพย์ฯบล.ทิสโก้มองมาตรการที่ออกมาใหม่ของตลาดหลักทรัพย์จะช่วยเพิ่มเสถียรภาพตลาดในระยะยาว และน่าจะกระตุ้นแรงซื้อคืนในตลาดในระยะสั้น ทั้งนี้ บล.ทิสโก้เริ่มเห็นแรงขายของต่างชาติชะลอตัวสลับกับมีการซื้อคืน จนทำให้พลิกกลับมามียอดซื้อสุทธิสะสมเกือบ 3,000 ล้านบาทเป็นเดือนแรกในรอบ 1 ปี สอดคล้องกับกระแสเงินทุนไหลเข้าที่กระจายไหลเข้าตลาดหุ้น EM ในภูมิภาคมากขึ้นครบทั้ง 7 ตลาด (เกาหลีใต้, ไต้หวัน, อินเดีย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และไทย) โดยไหลเข้าในเดือนกุมภาพันธ์ราว 1.0 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ และเป็นการไหลเข้าเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน
5. การปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ของตลาดหุ้นไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แม้ว่าการประกาศงบไตรมาสที่ผ่านมาแม้ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าคาด แต่ด้วยกำไรไตรมาส 4/2566 ของหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวถูกล้างบางจากผลขาดทุนในรายการพิเศษจำนวนมาก ทำให้การหั่นประมาณการ EPS ในปีนี้และปีหน้าอาจผ่านจุดต่ำไปแล้ว เริ่มเห็นสัญญาณประมาณการ EPS ถูกปรับขึ้นมาอ่อน ๆ แล้วในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ หุ้นบางตัวบลเห็นสัญญาณการปรับขึ้นประมาณการกำไรและเป้าหมายราคาหุ้น น่าจะมีโอกาสปรับตัวในทิศทางที่ดีกว่าตลาด (Outperform)
นอกจากนี้ บล.ทิสโก้ยังชอบหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการบริโภคภายในประเทศและท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดี ผสานกับหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยสรุป หุ้นเด่นที่บล.ทิสโก้แนะนำในเดือน มี.ค. คือ BDMS, CENTEL, CPALL, CRC, MINT, SCB, TTB และ TU ด้านแนวรับและแนวต้านสำคัญของ SET Index เดือนนี้อยู่ที่ 1370-75, 1350 และ 1405, 1430-40 จุด ตามลำดับ