นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เยี่ยมชมบูธนิทรรศการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ในคูหาของประเทศไทย โดยมี พลตำรวจเอก วิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการ ท่าอากาศยานไทย และ ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ท่าอากาศยานไทย นายเอนก ธีระวิวัฒน์ชัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานยุทธศาสตร์) และนางสาวผานิต เสถียรเสพย์ ผู้อำนวยการสำนักกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ให้การต้อนรับ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2567 ณ ศูนย์การจัดนิทรรศการ Messe Berlin Exhibition Ground กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
โดยภายในบูธ AOT ได้มีการนำเสนออาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ (Satellite1: SAT-1) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีการตกแต่งสถาปัตยกรรมให้สอดคล้องกับอาคารผู้โดยสารหลัก โดยผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรม ศิลปะที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยให้กลมกลืนไปกับโครงสร้างอาคารที่ทันสมัย นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอโครงการพัฒนาท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งผ่านสื่อมัลติมีเดีย รวมทั้งยังได้จัดทำแบบสอบถามความพึงพอใจในการใช้บริการท่าอากาศยานของ ท่าอากาศยานไทย เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวไปปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการของ ท่าอากาศยานไทย ต่อไป
ต่อจากนั้น นายเศรษฐาฯ ได้กล่าวปาฐกถาในงาน The Amazing Thailand Networking Event with the Prime Minister of Thailand ณ ห้อง M1-M2 อาคาร City Cube Berlin โดยกล่าวถึงโครงสร้างพื้นฐานที่จะเป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใน 10 ปีนี้ รวมถึงโครงการก่อสร้างสนามบินล้านนา (ท่าอากาศยานเชียงใหม่แห่งที่ 2) และสนามบินอันดามัน (ท่าอากาศยานภูเก็ตแห่งที่ 2) ซึ่งเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้อีก 40 ล้านคนต่อปี รวมทั้งพัฒนาสนามบินในประเทศไทยที่มีอยู่ในปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการพัฒนาการให้บริการภายในสนามบินเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมายังประเทศไทยมากขึ้น
ท่าอากาศยานไทย มุ่งมั่นพัฒนาสนามบินในความรับผิดชอบให้มีความพร้อมให้บริการผู้โดยสารด้วยมาตรฐานเหนือระดับ AOT บุกตลาดยุโรปร่วมงาน International Tourismus Borse หรือ ITB Berlin 2024 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีเพื่อส่งมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวของประเทศให้เติบโต ตลอดจนเป็นการสร้างรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศได้อย่างยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป