นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ไตรมาสที่ 1/2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 11,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยมี สินเชื่อด้อยคุณภาพเท่ากับ 98,815 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPLs Ratio) เท่ากับร้อยละ 3.14
เทียบกับไตรมาส 4/2566 กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เพิ่มขึ้น ร้อยละ 81.3 โดยหลักจากการตั้งสำรองลดลง ร้อยละ 38.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา จากการที่ธนาคารได้ตั้งสำรองสำหรับลูกค้ารายใหญ่รายหนึ่งและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกันที่มีแนวโน้มของคุณภาพสินเชื่อที่เสื่อมค่าลงในไตรมาสที่ 4/2566
ทั้งนี้ รายได้รวมจากการดำเนินงานที่ขยายตัวร้อยละ 2.8 โดยมี Cost to Income ratio ลดลงจากร้อยละ 44.8 ในไตรมาส 4/2566 เป็นร้อยละ 43.6 ในไตรมาสนี้ จากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ ธนาคารยังคงรักษา Coverage ratio ในระดับสูงที่ร้อยละ 181.8 เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 ธนาคารมีเงินกองทุนชั้นที่ 1 ร้อยละ 17.33 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง และมีเงินกองทุนทั้งสิ้น ร้อยละ 20.50 ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยงซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงมีสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอโดยรักษาระดับของ Liquidity Coverage ratio (LCR) อย่างต่อเนื่อง สูงกว่าเกณฑ์ที่ธปท.กำหนด
ในวันที่ 25 มกราคม 2567 บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ S&P Global Ratings ได้ประกาศปรับแนวโน้ม (outlook) ของธนาคารเป็น Positive (จากระดับ คงที่ หรือ Stable) ในขณะที่คงอันดับความน่าเชื่อถือระดับสากลของธนาคาร ที่ BBB- จากพัฒนาการของธนาคารที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในด้านความสามารถในการทำกำไร (profitability) และการปรับปรุงและดูแลด้านการบริหารจัดการความเสี่ยง (asset quality management)