โฮมโปร ฟาดกำไรสุทธิ 3,334 ล้านบาท โต 3.20% 

Date:

นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร (หุ้น HMPRO) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิสำหรับครึ่งปีแรก เท่ากับ 3,334.54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103.55 ล้านบาท หรือ 3.20% โดยมีรายได้รวม จำนวน 37,322.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 168.29 ล้านบาท หรือ 0.45% 

ซึ่งที่มาของรายได้ประกอบไปด้วย รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า ซึ่งประกอบไปด้วยรายได้จากการขายสินค้า และรายได้จากการให้บริการลูกค้า (Home Service) รวมจำนวน 35,062.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในมูลค่า 49.71 ล้านบาท หรือ 0.14% มีปัจจัยจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ Easy E-Receipt ของทางรัฐบาล รวมถึงการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดสาขาใหม่ของโฮมโปร และเมกาโฮม ทั้งยังมีช่องทางออนไลน์ และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าในช่วงไตรมาส 2 จะมีปัจจัยของสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและฤดูฝนที่มาเร็ว ซึ่งส่งผลให้ยอดขายปรับตัวลดลงก็ตาม

นอกจากนี้ยังมีรายได้จากค่าเช่า จำนวน 908.84 ล้านบาท ลดลง 31.75 ล้านบาท หรือ 3.38% จากปีก่อน เป็นผลมาจากการงดจัดงาน HomePro Expo ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี ในช่วงเดือนมีนาคม และงาน HomePro Fair ที่เชียงใหม่ โดยได้มีการปรับเปลี่ยนเป็นการจัดงาน HomePro Super Expo ในช่วงเดือนเมษายนแทน ผ่านช่องทางสาขาและออนไลน์

สำหรับกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้า และการให้บริการ Home Service รวมจำนวน 9,204.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.58 ล้านบาท หรือ 0.36% โดยอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขาย เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 26.20% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.25%  ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้า Private Label ในส่วนของธุรกิจเมกาโฮม

นายวีรพันธ์ กล่าวว่า การขยายสาขาในไตรมาสที่ 2 บริษัทฯ ได้มีการเปิดสาขาเพิ่ม 2 แห่ง ได้แก่ โฮมโปร สาขาลำพูน และเมกาโฮม สาขาอุดรธานี จึงทำให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 บริษัทฯ มีโฮมโปร 90 สาขา โฮมโปรเอส 5 สาขา เมกาโฮม 28 สาขา และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย 7 สาขา

ในช่วงไตรมาส 2/67 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง โดยภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสร้างรายได้ให้กับภาคธุรกิจและผู้ประกอบการต่างๆ ผ่านการบริโภคสินค้าในประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจที่น่ากังวล ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยและหนี้ภาคครัวเรือน ที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูง ส่งผลให้เกิดการระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้าของทางรัฐบาล และภาคการส่งออกที่ชะลอตัวจากปัญหาเชิงโครงสร้าง ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจยังคงขยายตัวในระดับที่ต่ำ 

นายวีรพันธ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงไตรมาส 2 เป็นช่วงที่ตรงกับฤดูร้อนของประเทศไทย จึงส่งผลให้ยอดขายสินค้ากลุ่มเครื่องทำความเย็น อาทิ เครื่องปรับอากาศ พัดลม และพัดลมไอน้ำ เติบโตสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ประเทศไทยได้เริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ส่งผลให้โครงการก่อสร้างต่างๆ เกิดการชะลอตัว รวมถึงอาจเกิดความไม่สะดวกในการเข้ามาใช้บริการที่สาขาของลูกค้า 

“อีกทั้งในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทฯ ได้มีการงดการจัดงาน HomePro Fair ที่เชียงใหม่ เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมีการจัดกิจกรรมในช่วงเวลาดังกล่าว จึงทำให้ยอดขายสินค้าโดยรวมปรับตัวลดลงเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีการจัดกิจกรรม HomePro Super Expo ในวันที่ 4-8 เมษายน 2567 ที่ช่องทางสาขาและออนไลน์ รวมถึงยังมีการจัดกิจกรรม Double Day อย่างต่อเนื่องทุกเดือน เพื่อรักษายอดขาย อัตรากำไร และ ส่วนแบ่งทางการตลาดอีกด้วย

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

ยันอีกแล้ว ผู้ทำผิด ตึก สตง. ถล่ม ต้องถูกดำเนินคดีค่ะ

อิงค์ ยันอีกแล้ว ผู้ทำผิด ตึก สตง. ถล่ม ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายค่ะ

รัฐมนตรีคลังจนแต้ม จี้พิจารณาตัวเองด่วน

รัฐมนตรีคลังจนแต้ม ทีมเศรษฐกิจสองนายกรัฐมนตรี ไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาเสียเลย แนะนำให้ท่านทบทวนตัวเองและทีมงานเป็นการด่วน

ผลสำรวจ นิด้าโพล เห็นควรปรับ ครม. ทันที

ผลสำรวจ นิด้าโพล เห็นควรปรับ ครม. ทันที ลงความเห็น 2 พิชัย ไม่ควรไปต่อ

ปรับภูมิใจไทยออก: ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก

ปรับภูมิใจไทยออก เพื่อไทยอยู่ในลักษณะกลืนไม่เข้าขายไม่ออก หรือจะเรียกว่ายักตื้นติดกึกยักลึกติดกัก ก็ได้