ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศ เปิดเผยว่า จากแนวทางการดำเนินธุรกิจของ บี.กริม เพาเวอร์ ตามยุทธศาสตร์ “GreenLeap – Global and Green” ซึ่งได้ประกาศเมื่อปี 2566 ถือเป็นกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อมุ่งสู่ตลาดพลังงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั่วโลก เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป โดยมีกลยุทธ์หลักคือ สนับสนุนการขยายโครงการพลังงานหมุนเวียน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงจัดหาพลังงานที่สะอาด ยั่งยืน มีเสถียรภาพในระดับสูง และราคาที่เข้าถึงได้ให้กับลูกค้า ควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ การจัดหาแหล่งพลังงานทางเลือกเพื่อการผลิตไฟฟ้าสำหรับอนาคต (Sustainable Fuels) การศึกษาความเป็นไปได้ในเรื่องในการใช้ Hydrogen ในการผลิตไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการพลิกโฉมการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ใหม่ ภายใต้วิสัยทัศน์ การขยายธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี เพื่อก้าวสู่ผู้นำด้านการพัฒนาด้านพลังงานที่ยั่งยืนและปลอดภัย
ความร่วมมือกับ บีไอจี ซึ่งเป็นผู้นำนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อสภาพภูมิอากาศ ในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญตามยุทธศาสตร์ Green Leap – Global and Green ในการยกระดับความร่วมมือ ด้วยการผนึกจุดแข็ง ความชำนาญ และประสบการณ์ของทั้งสององค์กร เพื่อร่วมกันศึกษาและผลักดันการใช้ไฮโดรเจนมาผสมร่วมกับก๊าซธรรมชาติมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะขยายโอกาสทางการตลาดสำหรับผู้บริโภคที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะผลักดันให้ บี.กริม เพาเวอร์ เดินหน้าสู่เป้าหมายเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนมากกว่า 50% ในปี 2573 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 25% และก้าวไปสู่การเป็นผู้ผลิตพลังงานชั้นนำระดับโลกและบรรลุเป้าหมายการก้าวสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Carbon Emissions) ภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593)
คุณปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บีไอจี กล่าวว่า บีไอจีเดินหน้าในการนำนวัตกรรมจากไฮโดรเจนที่บีไอจีและแอร์โปรดักส์ (บริษัทแม่ของบีไอจีจากประเทศสหรัฐฯ) มีความชำนาญและเป็นผู้ลงทุนโครงการกรีนไฮโดรเจนรายใหญ่ที่สุดของโลก บีไอจีตระหนักถึงการใช้พลังงานสะอาดเพื่อร่วมผลักดันการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) ในประเทศไทยภายใต้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ GENERATING A CLEANER FUTURE ด้วยการผลักดันการผลิตและการใช้ประโยชน์จากพลังงานไฮโดรเจน ซึ่งเป็นหนึ่งใน Climate Technology เป็นแรงสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากการศึกษาเบื้องต้นพบว่าการใช้ไฮโดรเจนในการผลิตไฟฟ้าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 10,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) ต่อปี ซึ่งเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ถึง 600,000 ต้น
ความร่วมมือกับบี.กริม เพาเวอร์ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสำหรับภาคเอกชนในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดครั้งแรกในประเทศไทยและร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจนในประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศในอนาคต อีกทั้งการนำไฮโดรเจนมาผลิตไฟฟ้าเป็นการผลิตไฟฟ้าทางเลือกในการใช้เชื้อเพลิงสะอาดที่สามารถตอบสนองแผนพัฒนากําลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (Power Development Plan: PDP) ทั้งนี้ ไฮโดรเจนคาร์บอนต่ำจากบีไอจีได้รับใบรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ (CFP) จากองค์กรบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ว่าปล่อยคาร์บอนลดลด 95% เทียบเท่าการผลิตบูลไฮโดรเจน (Blue Hydrogen) และนอกจากการผลิตไฟฟ้าแล้ว ไฮโดรเจนยังมีศักยภาพในการเป็นโซลูชันในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน