นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2567 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567) มีรายได้จากการขายและให้บริการ 816.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1 % เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรหลักจากการดำเนินงานอยู่ที่ 127.7 ล้านบาท ขณะที่ งวด 6 เดือนของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการ 1,639.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6 % เทียบงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรหลักจากการดำเนินงานอยู่ที่ 381.1 ล้านบาท
สำหรับ รายได้ของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปีก่อนหน้า มาจากการรับรู้รายได้ของโรงไฟฟ้าพลังงานลม “วินชัย” ขนาด 45 เมกะวัตต์ ได้เต็มไตรมาส เข้ามาช่วยสนับสนุนภาพรวมรายได้เติบโต แม้จะอยู่ในช่วงโลว์ซีซั่น นอกจากนี้ ธุรกิจให้บริการติดตั้งโซล่าร์รูฟท็อป (EPC) ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากฐานลูกค้าที่ขยายเพิ่มขึ้นทั้งประเทศไทยและอินโดนีเซีย รวมกับรายได้จากธุรกิจ Flexible Packaging ที่เข้ามาหนุนรายได้ในไตรมาส 2
ทั้งนี้ หลังจากการรับรู้ผลการดำเนินงานของวินชัย ตั้งแต่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา ภาพผลประกอบการของบริษัทฯ จะเปลี่ยนไปโดดเด่นในช่วง Q1 และ Q4 ตามช่วงไฮซีซั่นของวินชัย ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ SPN ในประเทศไทยที่ค่าความพร้อมจ่ายไฟฟ้า (Availability Factor) ลดลงในไตรมาสนี้ เป็นอีกปัจจัยที่กระทบต่อผลการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมแผนการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงไฟฟ้า (Repowering) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยมั่นใจว่าเป็นจังหวะที่ดีในการลงทุน เนื่องจากต้นทุนของอุปกรณ์ถูกลงและประสิทธิภาพดีขึ้น
ขณะที่ ความคืบหน้าโครงการในครึ่งปีแรกเป็นไปตามแผน การก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO 2 ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 22 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินงานใน Q4/68 และได้เข้าลงทุนในโครงการโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่เมืองไถหนาน ประเทศไต้หวันขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 17 เมกะวัตต์ รวมถึงจัดตั้งบริษัทร่วมทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะ จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับ บริษัท บาฟส์ คลีน เอนเนอร์ยี่ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และ บริษัท ลัคกี้ คลีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ด้วยปริมาณไฟฟ้าเสนอขาย PEA 8.9 เมกะวัตต์
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 6/2567 เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศไต้หวันขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 38 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ที่เมืองผิงตง ประเทศไต้หวัน ด้วยมูลค่าการลงทุนจำนวนไม่เกิน 3,778 ล้านบาท
นอกจากนั้น ในส่วนของการปรับพอร์ตเงินลงทุน บริษัทฯ ได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจจากหลายสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ โดยเชื่อมั่นว่าจะสามารถลดต้นทุนทางการเงินและขยายฐานเงินลงทุนได้กว่าเท่าตัว จากการเป็นธุรกิจพลังงานทดแทนซึ่งมีโอกาสเติบโตสูง ประกอบกับได้รับปัจจัยบวกจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงเข้ามาช่วยสนับสนุนการลงทุนรอบใหญ่ของ บริษัทฯ โดยปัจจุบัน SSP มีกำลังการผลิตอยู่รวมที่ 282 เมกะวัตต์ ตั้งเป้าเติบโตกว่า 600 เมกะวัตต์ในปี 2571
“บริษัทฯ อยากให้นักลงทุนมองว่า SSP ลงุทนโรงไฟฟ้าทุกประเภท เพราะเราตั้งใจเป็น Renewable หรือ พลังงานที่ไม่มีวันหมด โดยเราจะพิจารณาเลือกลงทุนในโครงการที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า สามารถสร้างความสม่ำเสมอของกระแสเงินสดได้อย่างมั่นคง ปัจจุบัน บริษัทฯ มีแผนขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และมีโครงการอื่นๆ ในมือที่รอพัฒนา เช่น โครงการวินฟาร์มในประเทศฟิลิปปินส์ กําลังการผลิตติดตั้ง 150 เมกะวัตต์ โครงการโซล่าร์ฟาร์มไต้หวันเฟส 2 รวมไปถึงการลงทุนตามแผน PDP ของประเทศไทย ที่คาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในสิ้นปี 2567 นี้” นายวรุตม์ กล่าวในที่สุด