บริษัท เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล จำกัด (มหาชน) หรือ WAVE รายงานว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติแต่งตั้ง นายถิรพงศ์ คำเรืองฤทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) เดินหน้า Green business ผ่าน BCG model ภายใต้หลักปฏิบัติ ESG เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจในกลุ่ม โดยเน้นไปในทิศทางด้าน Digital Assets และ Sustainability มุ่งสู่ผู้นำ carbon credit ในประเทศไทย พร้อมทั้งเป็นที่ปรึกษา และ ให้บริการซื้อขาย ใบรับรองการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: RECs) ส่งเสริมการซื้อขาย คาร์บอนเครดิต ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลก เพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจเข้าสู่การแข่งขันในเวทีระดับโลก
ทั้งนี้ นายถิรพงศ์ มีประสบการณ์ด้านการเงินการธนาคารมานานกว่า 30 ปี รวมถึงด้านการลงทุน การพัฒนาธุรกิจ และการวางแผนกลยุทธองค์กร (Strategic Planning and Business Development) ในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นายถิรพงศ์ คำเรืองฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WAVE กล่าวว่า การเข้ารับตำแหน่งซีอีโอ ครั้งนี้พร้อมที่จะนำความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งภาคการเงินและสายงานพัฒนาธุรกิจมาช่วยสานต่อและต่อยอดธุรกิจเพื่อช่วยขับเคลื่อนบริษัทเวฟ เอกซ์โพเนนเขียล ให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการมุ่งเน้นให้ความ สำคัญกับ ESG (Environment, Social, Governance ) โดยยุทธศาสตร์หลักของ WAVE มีความชัดเจนมาก ในการที่จะก้าวสู่การเป็นผู้นำธุรกิจที่มีคาร์บอนเครดิตในประเทศไทย ซึ่งบริษัทโฟกัสและเตรียมความพร้อมมา นานแล้ว รวมทั้งการพัฒนาธุรกิจซื้อขายใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificates หรือ RECs) และธุรกิจการให้คำปรึกษาและวางแผนด้านคาร์บอนเครดิต
ส่วนผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 นายถิรพงศ์ กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปรับตัวดี ขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโดยภาพรวมจะชะลอตัวลง โดยกลุ่มบริษัท มีรายได้รวม 116.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.39 ล้านบาท หรือ คิดเป็น 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีผลขาดทุนสุทธิ 1.83 ล้านบาท ลดลงค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของไตรมาส 2/2566 มีผลขาดทุน 6.05 ล้านบาท
“ภาพรวมผลประกอบการกลุ่ม WAVE ปรับตัวอยู่ในเกณฑ์ดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนการขาดทุนมาจาก ผลกระทบค่าเงินบาทอ่อนตัว เกิดจากเจ้าหนี้การค้าต่างประเทศที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงและยังไม่ถึงกำหนดชำระ หากตัดรายการ Mark to Market นี้ออก ผลประกอบการไตรมาส 2/67 จะมีกำไร 1.21 ล้านบาท ซึ่งถ้าครึ่งปีหลังสถานการณ์เงินบาทแข็งค่า จะส่งผลดีต่องบการเงินโดยรวมของบริษัท” นายถิรพงศ์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 มั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งใน ส่วนของบริษัทเวฟ บีซีจี ซึ่งเป็นบริษัทลูก ที่ดำเนินธุรกิจซื้อขายใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificates หรือ RECs) และธุรกิจการให้คำปรึกษาและวางแผนด้านคาร์บอนเครดิตที่จะ ทยอยรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ รวมทั้งรายได้จากธุรกิจสถาบันสอนภาษา ที่มีแผนขยายธุรกิจด้าน Innovation & Lifestyle เพื่อนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับ Trend ใหม่ของโลก อาทิ การเขียน Coding AI และ Robotics ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะเป็น Trend ที่ได้รับความนิยมและได้รับการตอบรับจากตลาดอย่างแน่นอน