โรงพยาบาลจุฬารัตน์ อวดกำไร 878.2 ล้าน พุ่งขึ้น 52%

Date:

น.พ.กำพล พลัสสินทร์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงไตรมาส 2/2565 มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล จำนวน 2,784.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 713.5 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ จำนวน 2,071.0 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ จำนวน 878.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 302.2 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 576.1 ล้านบาท

สำหรับสัดส่วนรายได้ในช่วงไตรมาส 2/2565 ประกอบด้วย

1.รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยทั่วไป เพิ่มขึ้น 25% โดยแยกออกเป็นรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยนอก (OPD) เพิ่มขึ้น จำนวน 83.84 ล้านบาท และรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยใน (IPD) เพิ่มขึ้น จำนวน 170.64 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการให้บริการฉีดวัคซีนทางเลือก เพื่อป้องกันโรคระบาด โควิด-19 และการกลับเข้ามาใช้บริการในสถานพยาบาลของผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น

2.รายได้จากโครงการประกันสังคม เพิ่มขึ้น 12% จากจำนวนผู้ประกันตนที่เพิ่มขึ้นและการกลับมารักษาของผู้ป่วยที่มีค่าใช้จ่ายสูง

3.รายได้จากโครงการภาครัฐอื่นๆ เพิ่มขึ้น 65% สาเหตุหลักมาจากการดำเนินการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 โดยการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation)

4.รายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น 4.1 ล้านบาท จากการรับจ้างบริหารงานให้กับโรงพยาบาลภาครัฐ

“ช่วงไตรมาส 2/2565 สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ Omicron เริ่มคลี่คลาย แต่ทางกลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์ยังคงให้บริการตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสด้วยวิธี RT-PCR และ ATK พร้อมทั้งให้การดูแลผู้ป่วยติดเชื้อที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสำหรับกลุ่มผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง และทำ Home Isolation เพื่อดูแลผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียวที่มีอาการไม่รุนแรง รวมทั้งยังเปิดให้บริการฉีดวัคซีนทางเลือกให้กับประชาชนที่สนใจ ประกอบกับกลุ่มคนไข้ทั่วไปเริ่มกลับเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

น.พ.กำพล กล่าวถึงผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค. – มิ.ย. 2565) ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล จำนวน 6,355.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 2,870.1 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 82% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ จำนวน 3,485.8 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 36.87% เป็น 49.67% ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นจาก 23% เป็น 34% โดยมีกำไรสุทธิ จำนวน 2,234.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 1,406.8 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 170% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 827.9 ล้านบาท

ขณะเดียวกันคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ของบริษัทฯ ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการประกอบการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.085 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 935 ล้านบาท และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 กันยายน 2565 โดยกำหนดให้วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) คือ วันที่ 24 สิงหาคม 2565

นอกจากนี้ยังอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนในบริษัท กู๊ด เอสเตท จำกัด โดยการซื้อหุ้นจากนายธวัชชัย กาลอนันต์วงศ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 1,550,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 77.50% ของทุนจดทะเบียนของบริษัท กู๊ด เอสเตท จำกัด ในราคา 209,473,000 บาท เพื่อสร้างรายได้เพิ่มจากการประกอบธุรกิจเป็นเนอสซิ่งโฮมรับดูแลผู้สูงอายุ

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

ยันอีกแล้ว ผู้ทำผิด ตึก สตง. ถล่ม ต้องถูกดำเนินคดีค่ะ

อิงค์ ยันอีกแล้ว ผู้ทำผิด ตึก สตง. ถล่ม ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายค่ะ

รัฐมนตรีคลังจนแต้ม จี้พิจารณาตัวเองด่วน

รัฐมนตรีคลังจนแต้ม ทีมเศรษฐกิจสองนายกรัฐมนตรี ไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาเสียเลย แนะนำให้ท่านทบทวนตัวเองและทีมงานเป็นการด่วน

ผลสำรวจ นิด้าโพล เห็นควรปรับ ครม. ทันที

ผลสำรวจ นิด้าโพล เห็นควรปรับ ครม. ทันที ลงความเห็น 2 พิชัย ไม่ควรไปต่อ

ปรับภูมิใจไทยออก: ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก

ปรับภูมิใจไทยออก เพื่อไทยอยู่ในลักษณะกลืนไม่เข้าขายไม่ออก หรือจะเรียกว่ายักตื้นติดกึกยักลึกติดกัก ก็ได้