นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้เปิดเผยว่า ได้มีการเชิญประธานคณะทำงาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้แทนสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งผู้บริหาร ปตท. จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทแม่ เพื่อมาหารือกรณีตรวจพบถังดับเพลิงแบตเตอรี่รถยานยนต์ไฟฟ้า(รถ EV )ซึ่งผลิตโดยบริษัทในเครือของบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ลอบใช้เครื่องหมาย มอก. โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
โดยการตรวจสอบครั้งนี้ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่สรุปว่ามีการกระทำผิดกฎหมายของบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ดับเพลิงแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน หรือแบตเตอรี่ EV จริง ซึ่งจะมีการดำเนินการตามพระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. จะดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค เนื่องจากอาจเข้าข่ายในการหลอกลวงผู้บริโภคอีกด้วย
นอกจากนี้คณะทำงานของคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ได้ทดสอบอุปกรณ์ดับเพลิงแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนดังกล่าว พบว่าไม่สามารถดับเพลิงแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน หรือ แบตเตอรี่รถ EV ได้จริงตามที่ทดสอบของคณะทำงานดังกล่าวและที่ประชุมในวันนี้ของทุกหน่วยงานที่เข้าประชุมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นำเสนอผลการศึกษาและทดสอบจริงของคณะทำงานของกรรมาธิการอุตสาหกรรมฯได้มีความเห็นเช่นเดียวกันว่า สารดับที่ผลิตจากบริษัทในเครือของปตท.ไม่สามารถดับเพลิงได้จริง และยังพบอีกว่าสินค้าถูกกระจายไปยังผู้บริโภคทั่วประเทศแล้ว จึงสอบถามแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ด้าน ตัวแทนจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ได้รับว่าจะให้บริษัทในเครือที่ผลิตถังดับเพลิงดังกล่าวทำการเรียกคืนสินค้าทั้งหมดคืนมาโดยเร็ว พร้อมกับ เร่งเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนอย่างเร่งด่วน
“ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมขอเป็นตัวแทนทางคณะกรรมาธิการ ถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และมีความห่วงใยเป็นอย่างยิ่งที่สามารถพบการกระทำผิดดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเกิดเหตุโศกนาฏกรรมเพลิงไหม้ในแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแล้วไม่สามารถดับเพลิงด้วยอุปกรณ์ดังกล่าวได้ ทำให้เกิดความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน” นายอัครเดช กล่าว
นายอัครเดช ยังกล่าวอีกว่า เรื่องนี้ได้มีการรายงานไปยังนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมซึ่งกำกับดูแลสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) โดยได้สั่งการให้สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เนื่องจากการกระทำความผิดในครั้งนี้มีผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิต ร่างกาย อนามัย ทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน เป็นการป้องกันเหตุร้ายอันอาจจะเกิดขึ้นในประเทศไทยเรา
นอกจากนี้ทางคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม จะทำรายงานส่งต่อไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากทาง ปตท. เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต้องยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด