
Krungthai COMPASS ประเมินว่า ในปี 2568-69 ปริมาณการจำหน่ายเม็ดพลาสติกในประเทศและส่งออกของไทยจะอยู่ที่ 10-11 ล้านตันต่อปี ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าในปี 2560-62 ราว 15% โดยมีปัจจัยกดดันหลักมาจาก 1) ความต้องการใช้เม็ดพลาสติกในอุตสาหกรรมยานยนต์มีแนวโน้มลดลงตามการผลิตรถยนต์ของไทย 2) การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการแข่งขันกับสินค้าจีนที่สูงขึ้น จากปัญหา Overcapacity และ 3) ผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น กระทบต่อเม็ดพลาสติกไทยที่เป็นห่วงโซ่การผลิตของจีน
นอกจากนี้ ในระยะถัดไปยังมีปัจจัยท้าทายด้าน ESG ที่เข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป และมาตรฐาน Thailand Taxonomy ซึ่งอาจกดดันต่อต้นทุนและความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการผลิตเม็ดพลาสติกไทย
Krungthai COMPASS แนะนำผู้ประกอบการผลิตเม็ดพลาสติกไทยควรเพิ่มสัดส่วนการผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพและเม็ดพลาสติกรีไซเคิล รวมถึงเม็ดพลาสติกเกรดพิเศษ (Specialty Polymers) สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยสูงถึงปีละ 9.5%CAGR และ 13.5%CAGR ตามลำดับ เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคากับเม็ดพลาสติกทั่วไป (Commercial grade) และช่วยเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันในระยะยาว นอกจากนี้ การติดตั้งเทคโนโลยี CCUS เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดแรงกดดันด้าน ESG และสนับสนุนการบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593