
นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ตามที่การประชุมคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (กนง.) มีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี จาก 2.25% ต่อปี มาอยู่ที่ 2.00% ต่อปี นั้น ธ.ก.ส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ จึงพร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายและสอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน
โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสูงสุด 0.25% ต่อปี ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลดลง 0.15% ต่อปี จาก 6.875% ต่อปี มาอยู่ที่ 6.725% ต่อปี เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรลูกค้ารายย่อย ธ.ก.ส. และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าประเภทเงินเกินบัญชี (MOR) ลดลง 0.25% ต่อปี จาก 6.875% ต่อปี มาอยู่ที่ 6.625% ต่อปี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม ธ.ก.ส. พร้อมดูแลปัญหาหนี้สินเกษตรกรลูกค้าแบบครบวงจร ควบคู่กับการส่งเสริมการออมเงินเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินอย่างยั่งยืน ผ่านผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ของ ธ.ก.ส. อาทิ มาตรการพักชำระหนี้ลูกหนี้รายย่อยตามนโยบายรัฐบาล การเติมสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ 4% ต่อปี ผ่านสินเชื่อเพื่อเกษตรกรรุ่นใหม่ New Gen & Young Smart Farmer และอัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี หรือล้านละร้อย ผ่านสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย ระยะที่ 2 และสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล เช่น สินเชื่อเงินด่วนคนดีสำหรับ อสส. และ อสม. และสินเชื่อเงินด่วนกึ่งแสน
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการออมเงินผ่านผลิตภัณฑ์เงินฝากของ ธ.ก.ส. อาทิ สลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดหยกจักรพรรดิ และเงินฝากออมทรัพย์พิเศษ ระยะเวลาฝาก 8 เดือน ที่ให้ผลตอบแทนสูงกับ “เงินฝากทองพันชั่ง” ฝากขั้นต่ำครั้งละ 100,000 บาท รวมฝากสูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี (เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 2.35% ต่อปี) โดยรับดอกเบี้ยล่วงหน้าทันทีในวันที่ฝากเงิน บุคคลธรรมดาไม่เสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเปิดบัญชีและฝากเงินได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปถึง 31 มีนาคม 2568 หรือเมื่อรับฝากเต็มวงเงิน