
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทวิตข้อความผ่าน x ว่า ก่อนประชุมคณะอนุกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจในวันนี้ ได้เชิญทีม ก.คลัง นำโดยนายพิชัย รองนายกฯและรมว.คลัง รมช.คลัง ปลัด ก.คลัง เพื่อติดตามแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศตามทิศทางนโยบายทางด้านการคลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระตุ้นการใช้จ่ายการลงทุนภาครัฐ การบริโภคภาคเอกชน และการส่งออกสินค้าและบริการ ที่จะต้องช่วยกันเร่งติดตามเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย
นายกฯ กล่าวว่า นอกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่ของรัฐบาลอย่างโครงการเงินหมื่นเฟส 3 ยังได้แลกเปลี่ยนถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเครื่องยนต์สำคัญอย่าง ‘การท่องเที่ยว’ ซึ่งได้หยิบประเด็นจากการประชุม ITB Berlin ที่ดิฉันและทีมกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ไปร่วมงานกันมา มีหลายแง่มุมการท่องเที่ยวที่จะต้องร่วมกันผลักดันร่วมกับหลายกระทรวงต่อไปได้ค่ะ เช่น การยกระดับสินค้าเกษตรไทยและส่งไปตลาดยุโรป เรื่องนี้มีศักยภาพเป็นอย่างมากซึ่งต้องทำงานร่วมกับ ก.เกษตรฯ หรืออุตสาหกรรมออกแบบ โดยเฉพาะงาน craftsmanship ไทย ซึ่งเรื่องนี้ร่วมงานกับ THACCA ได้ รวมไปถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจในฐานราก ในชุมชม ในจังหวัดที่มี hidden gems ต่างๆ ผ่านการท่องเที่ยว
นายกฯ กล่าวว่า นโยบายเศรษฐกิจต้องอาศัยความร่วมมือหลายภาคส่วนทั้งจากรัฐและเอกชน ร่วมทั้งบูรณาการทำงานหลายกระทรวง ซึ่งรัฐบาลจะเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและการวางรากฐานเศรษฐกิจในระยะยาวค่ะ
ต่อมาภายหลังการประชุม นายกฯทวิตข้อความอีกว่า ด้วยความร่วมมือทุกภาคส่วน ศักยภาพเศรษฐกิจไทยปี 2568 น่าจะเติบโตได้มากกว่า 3% ในปีนี้ค่ะ ด้วยเศรษฐกิจในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มฟื้นตัวตามลำดับ โดยมีการบริโภค การส่งออก และการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยในปีนี้ กระทรวงการคลังประมาณการว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตได้ 3% แต่รัฐบาลเชื่อว่า ด้วยศักยภาพเศรษฐกิจไทย การร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ตัวเลขเศรษฐกิจน่าจะเติบโตได้มากกว่า 3% ค่ะ
นายกฯ กล่าวว่า วงประชุมวันนี้จึงเป็นวงที่เรามาร่วมกันคิด เสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการรับผิดชอบของหน่วยงานต่างๆ และอยู่ในกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และร่วมกันวางโครงสร้างในระยะยาวไปพร้อมๆ กัน
นายกฯ กล่าวอีกว่า ในวันนี้ที่ประชุมได้มีการเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท ระยะที่สาม เพื่อเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล และต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ที่มีผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชนในประเทศ โดยที่กลุ่มเป้าหมายจะเป็นผู้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ มีอายุตั้งแต่ 16-20 ปี และจะต้องใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ เพื่อสแกน QR code ณ ร้านค้าในพื้นที่เขตหรืออำเภอที่ประชาชนมีอยู่ตามทะเบียนบ้าน
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ได้เน้นย้ำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเครื่องยนต์สำคัญอย่างการท่องเที่ยว ที่จะต้องดำเนินต่อไปตามแผนงาน และมีแผนงานใหม่ที่มุ่งไปยังกลุ่ม luxury เพื่อเพิ่มการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวต่อหัวมากขึ้น อีกเรื่องที่สำคัญคือกลุ่มการเกษตร ที่จะต้องพัฒนากระบวนการเกษตรทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การส่งออกสินค้าเกษตร และดูแลราคาสินค้าเกษตรให้เป็นธรรมหรือสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นทั้งการยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องเกษตรกร และทำให้รายได้ประเทศสูงขึ้นด้วย