นายกฯ ย้ำไทยจับตาท่าทีสหรัฐฯ ใกล้ชิดทุกมุม 

Date:

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า ระหว่างการหารือกับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนด นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้มีการพูดคุยถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษี ซึ่งเชื่อว่าทุกคนที่ประเทศไทยได้ติดตามสถานการณ์และเห็นการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่สหรัฐฯให้เวลา 90 วัน ตอนนี้ผ่านมาระยะหนึ่งแล้ว ก็มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ซึ่งประเทศไทยเลือกที่จะดูเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดและติดตามในทุกมุมทุกด้าน ทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้างต้องการอะไรเพิ่มเติมบ้าง ผ่านมายังไม่ถึง 30 วันก็การเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรอบโลก ซึ่งจะเห็นได้ว่าเรื่องของภาษีค่อยๆมีการปรับ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าสหรัฐอเมริกาเองก็ต้องรอดูเหมือนกันว่าผลตอบรับที่ออกไปทั่วโลกเป็นอย่างไร มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เพราะการคำนวณและกฎต่างๆที่ออกมานั้นค่อนข้างเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับทั่วโลก และเป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะฉะนั้นสหรัฐอเมริกาก็ต้องดูสถานการณ์เช่นกัน เช่นเดียวกับเราแต่อาจจะดูคนละมุม ที่จะต้องดูสถานการณ์ ดูอุณหภูมิ ดูความเป็นไปได้ของทั่วโลกด้วย ซึ่งตนมองว่าเป็นสิ่งที่แฟร์ แต่ก็ต้องดูก่อนว่าแต่ละประเทศจะมีท่าทีอย่างไร เราเองก็เช่นกัน  เพราะฉะนั้นเรื่องของความรอบคอบ  การเตรียมข้อมูลให้พร้อมที่ประเทศไทยทำอยู่ตอนนี้  เราก็ยังอยู่ในทิศทางที่กำหนดไว้ (on track) เราไม่ปล่อยให้หลุดมือไปไหน เรายังโฟกัสว่าเราสามารถทำอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ได้คุยกับผู้นำในประเทศอาเซียนมาบ้างแล้ว เห็นตรงกันว่าถ้าเราร่วมมือกันในกลุ่มอาเซียนจะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ ก็จะสามารถมีอำนาจในการต่อรอง ซึ่งเราพร้อมที่จะร่วมมือกัน หากมีการขึ้นกำแพงภาษีก็จะรอดไปด้วยกัน เพราะเรามีสิ่งที่มีความเฉพาะของประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทวีปอื่นไม่มีเหมือนอาเซียน 

“สิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่เราต่อรองได้อย่างแข็งแรง เมื่อได้คุยแล้วก็ดีใจที่ประเทศในกลุ่มอาเซียน ก็เห็นตรงกันในเรื่องนี้ เพราะการที่เราจะต่อรองจะต้องต่อรองอย่างคนที่จะเจรจาแบบเป็นเพื่อนกัน ต่อรองแบบไม่ต้องเสียเปรียบหรือได้เปรียบในช่องว่างที่ใหญ่จนรับไม่ได้ แต่ต้องต่อรองให้เราและเขาก็เข้มแข็งเช่นกัน ต้องวินวินทั้งคู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเห็นตรงกัน” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่าการที่เรารอจังหวะสังเกตดูท่าทีของสหรัฐฯก่อนที่จะเจรจา เท่ากับเป็นผลดีต่อไทยใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าเช่นนั้น เพราะสหรัฐฯเองก็สังเกตและดูท่าทีของรอบโลกเช่นกัน  เราจึงต้องดูว่าอะไรเกิดขึ้น และจุดไหนเป็นจุดที่เหมาะที่เราจะต่อต้องรอในรายละเอียด ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจับตาดูอยู่ 

นายกฯ ยังกล่าวยืนยันว่าไม่ต้องห่วง เพราะรัฐบาลปรึกษาทางเอกชนด้วย ทั้งผู้ประกอบการที่ลงทุนในสหรัฐฯ เพราะเราอยากรู้ความเคลื่อนไหวว่าสามารถจะทำอะไรได้บ้างให้ครบถ้วน

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

การบินไทยจัดงาน “รักคุณเท่าฟ้า 2568”

การบินไทยจัดงาน “รักคุณเท่าฟ้า 2568” ฉลองครบรอบ 65 ปี มอบประสบการณ์เหนือระดับพร้อมข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย 24 – 27 เม.ย. นี้

คปภ. Kick off พื้นที่ต้นแบบความปลอดภัยทางถนน

คปภ. จัดงาน “ปราจีน ยืนหนึ่งถนนปลอดภัย อุ่นใจด้วยการประกันภัย” Kick off พื้นที่ต้นแบบความปลอดภัยทางถนน

สำนักงาน คปภ. หารือ เมียนมาฯ จ่ายประกันผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว

สำนักงาน คปภ. หารือ เมียนมาฯ ร่วมหารือแนวทางการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แก่แรงงานชาวเมียนมา ผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว

สำนักงาน คปภ. ประชุมร่วมภาคธุรกิจประกันภัย

สำนักงาน คปภ. ประชุมร่วมภาคธุรกิจประกันภัย หารือเตรียมพร้อม เพื่อยกระดับมาตรการกำกับดูแลเชิงป้องกัน