
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กล่วว่า สงครามการค้าสหรัฐขึ้นภาษี ทำให้เศรษฐกิจไทยตกหลุมอากาศชั้วคราว ซึ่งจะเป็นหลุมอากาศใหญ่และตกนานขนาดไหน เป็นเรื่องที่ต้องประเมินอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในส่วนของกระทรวงการคลัง มีแผนการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นเรื่องการแก้ไขหนี้ประชนชน และระยะกลางซึ่งจะมีการทบทวนการทำงบประมาณ 2569 เพื่อใช้เงินรองผลกระทบเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมากขึ้น
การเจาจาภาษีสหรัฐ ไทยต้องไม่ถูกขึ้นมากกว่าคู่แข่ง
นายพิชัย กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาเรื่องสหรัฐขึ้นภาษีไทย ต้องมีการเจรจากัน ซึ่งไทยจะถูกขึ้นมากน้อยเท่าแค่ไหน ต้องขึ้นเท่ากับประเทศคู่แข่ง เช่น ถ้าไทยถูกขึ้นภาษีเพิ่ม 10-15% ประเทศคู่แข่งไทยก็ต้องเก็บในอัตราเดียวกัน
นอกจากนี้ ไทยยังมีแผนซื้อสินค้าจากสหรัฐมากขึ้น ทั้งสินค้าเกษตร พลังงาน เป็นต้น ซึ่งทำให้ไทยได้สินค้าที่ราคาถูกมากขึ้น โดยการนำเข้าสินค้าเพิ่มต้องไม่กระทบผู้ผลิตในประเทศ
เชื่อว่าเศรษฐกิจจะกลับมาโตได้ 3% ในอนาคต
นายพิชัย กล่าวว่า ในปี 2567 เศรษฐกิจไทยโตได้ 2.5% ก่อนมีสงครามการค้า คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3% แต่เมื่อมีสงครามการค้าจากสหรัฐเข้ามา กระทบกับเศราฐกิจไทยสะดุด 3-6 เดือน ทำให้การขยายตัวจะต่ำกว่าที่คาดไว้ แต่ก็ยังเชื่อว่าอนาคตจะกลับมาขยายตัวได้ 3%
ดึงลงทัน ตั้งบ่อนกาสิโน กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายพิชัย กล่าวว่า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ส่วนสำคัญคือการดึงลงทุนเข้ามาในประเทศ ในปี 2567 ต่างชาติเข้ามาลงทุนไทย 1.1 ล้านล้านบาท ในไตรมาสแรกปี 2568 มีเงินลงทุนต่างชาติ 4 แสนล้านบาท หากโมเมนตัมเป็นอย่างนี้ เงินลงทุนต่างชาติในปี 2568 จะมากกว่าปี 2567 ที่ผ่านมา ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวกลับมาได้
นอกจากนี้ การตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนคอมเพล็กซ์ ซึ่งมีส่วนของบ่อนกาสิโน 10% ของพื้นที่ จะทำให้มีรายได้จากต่างประเทศเข้ามาในประเทศมากขึ้น โดยที่รัฐบาลไม่ต้องใช้เงินในก่อสร้าง เพราะเอกชนเป็นผู้ลงทุน รัฐบาลจะมีรายได้จากภาษีเงินได้มากขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่จะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในอนาคต