ไทยออยล์ กำไรไตรมาสแรก 3,504 ล้านบาท 

Date:

นายบัณฑิต ธรรมประจำจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า “ในไตรมาส 1/2568 กลุ่มไทยออยล์มีกำไรสุทธิ 3,504 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 737 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน จากกำไรการสต็อกน้ำมันจำนวน 1,080 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 2,010 ล้านบาทในไตรมาสก่อนหน้า ประกอบกับมีกำไรพิเศษจากการซื้อคืนหุ้นกู้จำนวน 174 ล้านบาท โดยกำไรขั้นต้นจากธุรกิจผลิตสารอะโรเมติกส์ปรับลดลง เนื่องจากส่วนต่างราคาสารเบนซีนกับน้ำมันเบนซิน 95 ปรับตัวลดลง จากอุปทานสารเบนซีนโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นจากกำลังการผลิตสารโอเลฟินส์ใหม่ในจีนช่วงต้นปี ประกอบกับระดับสารเบนซีนคงคลังในจีนที่อยู่ในระดับสูง และการส่งสารเบนซีนจากเอเชียไปยังสหรัฐฯไม่คุ้มค่า ในขณะที่กำไรขั้นต้นจากธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาดในไตรมาส 1/2568 ปรับเพิ่มสูงขึ้น จากอุปสงค์ภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น  อย่างไรก็ตาม กำไรขั้นต้นจากธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานปรับลดลง จากส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและยางมะตอยกับน้ำมันเตาปรับลดลง จากราคาน้ำมันเตาที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับต้นทุนไฟฟ้าและไอน้ำที่สูงขึ้น

โดยภาพรวมกลุ่มไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มฯ รวมผลกระทบจากสต๊อกนํ้ามันอยู่ที่ 6.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 1/2568 เพิ่มขึ้น 1.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลจากไตรมาส 4/2567

นายบัณฑิตฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับแนวโน้มธุรกิจโรงกลั่นในไตรมาส 2 ปี 2568 คาดการณ์ว่าค่าการกลั่นจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 เนื่องจาก Crude Premium ยังคงอยู่ในระดับสูง อันเป็นผลจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่เข้มงวด นอกจากนี้ ตลาดยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปที่ชะลอตัวลง จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น สหรัฐฯ และจีน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 2 มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลง เนื่องจากตลาดกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกที่อาจอ่อนตัวลงจากนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ ประกอบกับอุปทานที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร (OPEC+) ตั้งแต่เดือนเมษายน 2568  ซึ่งส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ และอาจทำให้บริษัทรับรู้ผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน

อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ค่าการกลั่นมีแนวโน้มที่จะปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับแรงหนุนหลักจากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่คาดว่าจะสูงขึ้นตามฤดูกาลขับขี่ ประกอบกับ Crude Premium มีแนวโน้มปรับลดลง”

ทั้งนี้ ไทยออยล์จะยังคงติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิดและพร้อมขับเคลื่อนองค์กรตามแนวทางกลยุทธ์ที่วางไว้ในทุกมิติ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้สถานการณ์ตลาดที่ท้าทาย ขณะเดียวกันก็ยังคงมุ่งแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

เกี่ยวกับ ไทยออยล์

ไทยออยล์เป็นผู้ประกอบธุรกิจการโรงกลั่นนํ้ามันแบบคอมเพล็กซ์ (Complex Refinery) และเป็นโรงกลั่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2504 โดยมีธุรกิจหลักคือ การกลั่นนํ้ามันปิโตรเลียม ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 275,000 บาร์เรลต่อวัน 

นอกจากนี้ ไทยออยล์มีระบบการบริหารจัดการที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ (Operational Excellence) โดยบริหารงานเป็นกลุ่มที่มีการเชื่อมโยงธุรกิจ ทั้งธุรกิจการกลั่นน้ำมัน ธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน โดยร่วมวางแผนการผลิตก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนต่ำ ขณะเดียวกันมีคุณภาพสูงในระดับโรงกลั่นชั้นนำ (Top quartile) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ทำให้ได้เปรียบเชิงต้นทุนการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนั้น ยังมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลากหลาย เช่น ธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจสารทำละลาย ธุรกิจบริหารการขนส่ทางท่อ ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาด และธุรกิจ New S-Curve

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

เคทีซี เดินหน้าโครงการปันความรู้ เสริมศักยภาพพนักงาน

เคทีซี เดินหน้าโครงการปันความรู้ เสริมศักยภาพพนักงานพร้อมยกระดับการบริการ

เคทีซีปันน้ำใจกว่า 28 ล้านบาท ให้กับน้องๆ มูลนิธิเด็กโสสะฯ

เคทีซีรวมพลังสมาชิกปันน้ำใจกว่า 28 ล้านบาท ร่วมสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับน้องๆ มูลนิธิเด็กโสสะฯ

เคทีซี มอบทุนสนับสนุนมูลนิธิศุภนิมิตฯ กว่า 29 ล้านบาท

เคทีซี รวมพลังสมาชิกบัตรเครดิตส่งต่อโอกาส มอบทุนสนับสนุนมูลนิธิศุภนิมิตฯ กว่า 29 ล้านบาท

เคทีซีเผยยอดเช่ารถคึกคัก

เคทีซีเผยยอดเช่ารถคึกคัก เส้นทางเมืองรองได้รับความนิยมมากขึ้น