เจาะลึกน้ำมันพืชไทย…..อยู่จุดใดบนเวทีการค้าโลก 

Date:

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้ติดตามสถานการณ์การบริโภคน้ำมันพืชทั่วโลก โดยฐานข้อมูลด้านการตลาดและอุตสาหกรรม Statista พบว่าในช่วงปี 2558 – 2568 เติบโตเฉลี่ย 2.48% ต่อปี และมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ดังนี้ น้ำมันดอกทานตะวัน 3.04% น้ำมันปาล์ม 2.79% น้ำมันถั่วเหลือง 2.63% น้ำมันปาล์มเมล็ดใน 2.23% น้ำมันเรพซีด (คาโนล่า) 2.01% น้ำมันถั่วลิสง 1.39% น้ำมันมะพร้าว 1.28% น้ำมันเมล็ดฝ้าย 1.24% และน้ำมันมะกอก 0.21% แนวโน้มการบริโภคน้ำมันพืชที่เพิ่มขึ้น เปิดโอกาสให้พืชน้ำมันของไทยที่มีศักยภาพในการเพาะปลูกหรือแปรรูป เช่น ปาล์มน้ำมัน ถั่วเหลือง รำข้าว และมะพร้าว เป็นต้น โดยเมื่อพิจารณาศักยภาพด้านการผลิตและการค้าน้ำมันพืชของไทย พบข้อมูลดังนี้

น้ำมันปาล์ม :

ในปี 2567 ไทยมีผลผลิตปาล์มน้ำมันเป็นอันดับที่ 3 ของโลก (รองจากอินโดนีเซีย   และมาเลเซีย) สัดส่วนการผลิต 4.47% ของการผลิตโลก การส่งออกน้ำมันปาล์มของโลก (พิกัด 1511) มีมูลค่า 41,212.29 ล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อพิจารณาศักยภาพทางด้านการค้า จากฐานข้อมูล Trademap พบว่า ไทยมีมูลค่าการส่งออกน้ำมันปาล์มเป็นอันดับที่ 4 ของโลก (ผู้ส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเนเธอร์แลนด์) โดยไทยส่งออกน้ำมันปาล์มเป็นมูลค่า 872.31 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 3.17% จากปีก่อนหน้า ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ อินเดีย (สัดส่วน 84.55%) เมียนมา (11.13%) และ จีน (1.83%) และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีมูลค่าการส่งออกน้ำมันปาล์มเติบโตต่อเนื่อง โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (ปี 2563 – 2567) 40.85% 

น้ำมันถั่วเหลือง :

ไทยมีผลผลิตถั่วเหลืองไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ จึงต้องนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองจากต่างประเทศ สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น โรงงานสกัดน้ำมัน อาหารสัตว์ แปรรูปอาหาร และใช้ทำพันธุ์ โดยในปี 2567 ไทยนำเข้าเมล็ดถั่วเหลือง (พิกัด 1201) 3.87 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 1,942.83 ล้านเหรียญสหรัฐ แหล่งนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองที่สำคัญของไทย ได้แก่ บราซิล (สัดส่วน 85.82%) สหรัฐอเมริกา (12.00%) และแคนาดา (1.71%)

การส่งออกน้ำมันถั่วเหลืองของโลก (พิกัด 1507) มีมูลค่า 12,126.18 ล้านเหรียญสหรัฐ และเมื่อพิจารณาศักยภาพทางด้านการค้า พบว่า ไทยมีมูลค่าการส่งออกน้ำมันถั่วเหลืองเป็นอันดับที่ 11 ของโลก (ผู้ส่งออกสูงสุด 3 อันดับแรกของโลก ได้แก่ อาร์เจนตินา บราซิล และสหรัฐอเมริกา) โดยไทยส่งออกน้ำมันถั่วเหลืองเป็นมูลค่า 284.07 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 7.65% จากปีก่อนหน้า ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ เวียดนาม (สัดส่วน 26.46%) อินเดีย (16.63%) และเกาหลีใต้ (11.99%) และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกน้ำมันถั่วเหลืองเติบโตต่อเนื่อง โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (ปี 2563 – 2567) 22.72% 

น้ำมันรำข้าว :

ไทยมีผลผลิตข้าวเปลือกเป็นอันดับที่ 6 ของโลก สัดส่วนการผลิต 4.13% ของการผลิตโลก เนื่องจากไม่มีพิกัดศุลกากรระดับสากลจึงทำให้ไม่สามารถเปรียบเทียบตัวเลขการค้าน้ำมันรำข้าวของโลกได้ชัดเจน และเมื่อพิจารณาศักยภาพทางด้านการค้าของไทย ข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ พบว่า ไทยส่งออกน้ำมันรำข้าว (พิกัด 15159099001) เป็นมูลค่า 64.95 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 3.87% จากปีก่อนหน้า ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ เกาหลีใต้ (สัดส่วน 26.66%) ญี่ปุ่น (24.44%) และออสเตรเลีย (13.42%) และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีมูลค่าการส่งออกน้ำมันรำข้าวเติบโตต่อเนื่อง โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (ปี 2563 – 2567) 3.98% 

น้ำมันมะพร้าว :

ปี 2567 ไทยมีผลผลิตมะพร้าวเป็นอันดับที่ 10 ของโลก สัดส่วนการผลิต 1.41% ของการผลิตโลก การส่งออกน้ำมันมะพร้าวของโลก (พิกัด 151311 และ 151319) มีมูลค่า 4,268.31 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อพิจารณาศักยภาพทางด้านการค้า พบว่า ไทยมีมูลค่าการส่งออกน้ำมันมะพร้าวเป็นอันดับที่ 23 ของโลก ไทยส่งออกน้ำมันมะพร้าวเป็นมูลค่า 4.89 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว 6.41% จากปีก่อนหน้า ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น (สัดส่วน 24.10%) รัสเซีย (11.56%) และฮ่องกง (9.59%) และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกน้ำมันมะพร้าวของไทยหดตัวต่อเนื่อง โดยมีอัตราหดตัวเฉลี่ยต่อปี (ปี 2563 – 2567) 12.74% 

นายพูนพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า แนวโน้มการบริโภคน้ำมันพืชของโลกที่เพิ่มขึ้น เป็นโอกาสการพัฒนาสินค้าเกษตรไทย จะเห็นได้ว่าทั้งน้ำมันปาล์มและน้ำมันรำข้าว เป็นน้ำมันพืชที่ไทยมีศักยภาพในการผลิตและส่งออก ขณะที่น้ำมันถั่วเหลือง ไทยมีศักยภาพในการส่งออก โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า มูลค่าการส่งออกน้ำมันถั่วเหลืองของไทยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี 22.72% แต่จำเป็นต้องนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองเพื่อมาสกัดและแปรรูปเพื่อการส่งออก เนื่องจากการผลิตเมล็ดถั่วเหลืองในประเทศมีต้นทุนสูงกว่า สำหรับน้ำมันมะพร้าว ในปัจจุบันมุ่งเน้นการส่งออกน้ำมะพร้าว เนื้อมะพร้าว และกะทิ มากกว่านำมาแปรรูปเป็นน้ำมัน อย่างไรก็ดี เทรนด์การบริโภคน้ำมันมะพร้าวเพื่อสุขภาพและใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง น้ำมันมะพร้าวจึงมีโอกาสคว้าส่วนแบ่งตลาดโลกได้เพิ่มขึ้น ดังนั้น การที่ประเทศไทยมีจุดแข็งด้านภูมิประเทศและอากาศที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืชหลากชนิด และสามารถนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำมันได้หลายประเภท จึงควรส่งเสริมการผลิตพืชน้ำมันให้สอดคล้องตามความต้องการน้ำมันพืชของโลก ทั้งกลุ่มผู้บริโภคทั่วไป (Mass Market) และตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) เช่น กลุ่มคนรักสุขภาพ และกลุ่มมังสวิรัติ เป็นต้น อันจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้สินค้าเกษตรไทย สร้างพืชเศรษฐกิจใหม่ ตลอดจนยกระดับอุตสาหกรรมน้ำมันพืชไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

CIMB THAI ได้ปรับเพิ่เครดิตในประเทศเป็น ‘AA’

CIMB THAI ได้ปรับเพิ่มเครดิตในประเทศเป็น ‘AA(tha)’ จากฟิทช์ สะท้อนความแข็งแกร่งทางการเงิน ซัปพอร์ตจากธนาคารแม่ 

“สรวงศ์” ปัดข่าว ”เพื่อไทย“ ดัน “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ

“สรวงศ์” ปัดข่าว ”เพื่อไทย“ ดัน “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ มั่นใจ นายกฯ แพทองธาร รอดปมคลิปเสียง 29 สค.นี้ ชี้ ข่าวลือ 5 ต่อ 4 เสียงกดดันศาลรธน. ไม่ได้

นายกฯ ลาครม. 2 ครั้งต่อเนื่อง 

นายกฯ ลาครม. 2 ครั้งต่อเนื่อง ท่ามกลางจับตาไปแจงศาลไต่สวนคดีคลิปเสียง 21 ส.ค.นี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ที่ 1.5% 

เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2568 โต 2.8% ตามคาด ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ที่ 1.5%