
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ต่อมาภายหลังการประชุม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยว่า บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจได้อนุมัติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจก้อนแรก วงเงินรวมทั้งสิ้น 1.15 แสนล้านบาท ตามที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเสนอ จากกรอบวงเงินทั้งหมด 1.57 แสนล้านบาท โดยจะมีการเสนอที่ประชุมครม.อนุมัติต่อไปในสัปดาห์หน้า
นายพิชัย กล่าวว่า สำหรับงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจก้อนแรก 1.15 แสนล้านบาท จากงบประมาณทั้งหมด 1.57 แสนล้านบาท แบ่งเป็น 1.ด้านโครงสร้างพื้น 85,000 ล้านบาท คิดเป็น 73.7% แยกเป็นโครงการน้ำ 39,136 ล้านบาท คิดเป็น 33.9% และโครงการคมนาคม 45,864 ล้านบาท คิดเป็น 39.8% 2.ด้านการท่องเที่ยว 10,053 ล้านบาท คิดเป็น 8.7% 3.ด้านการส่งออก/ผลิตภาพ 11,122 ล้านบาท คิดเป็น 9.6% 4.ด้านเศรษฐกิจชุมชนและอื่นๆ 9,201 ล้านบาท คิดเป็น 8% อย่างไรก็ตามในงบประมาณที่เหลืออยู่อีก 4 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นโครงการที่มาจากองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยเบื้องต้นคณะอนุกลั่นกรองฯ ได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว มียอดโครงการที่ขอใช้งบประมาณมารวมกว่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีการเรียกหน่วยงานมาหารือรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อพิจารณาโครงการ ซึ่งยังมีโครงการที่ซ้ำซ้อน และไม่สอดคล้องวัตถุประสงค์ เป็นต้น
“หากดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงินทั้งหมด 1.57 แสนล้านบาท คาดว่าจะมีผลต่อระบบจีดีพี 0.5-0.6% แต่หากเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ 1.4 แสนล้านบาท คาดว่าจะมีผลต่อจีดีพี 0.4-0.5%”
นายพิชัย กล่าวอีกว่า โครงการที่คณะกรรมการฯ อนุมัตินั้น มีการกระจายการลงทุนครอบคลุมทั่วประเทศ ทุกจังหวัด และทุกอำเภอ โดยจังหวัดที่มีสัดส่วนรายได้เฉลี่ยต่อคนน้อย จะได้รับเงินโครงการเข้าไปดูแลมากกว่าจังหวัดที่มีรายได้เฉลี่ยต่อคนมาก นอกจากนั้นยังดูในมิติของการจ้างงาน โดยจะช่วยดูแลการจ้างงานกว่า 6-7 ล้านคน และจากวงเงินที่อนุมัติ 1.1 แสนล้านบาท เป็นสัดส่วนเงินค่าจ้างมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 30% นอกจากนี้ น.ส.แพทองธาร ได้กำชับในที่ประชุมให้ไปดูรายละเอียด และพิจารณาดำเนินการตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดการใช้งบประมาณ และโครงการที่ขอ โดยขอให้คำนึง 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2.ขอให้กระทรวงต้นสังกัดที่มีหน่วยงานขอรับงบประมาณให้กำกับอย่างใกล้ชิด หากเจอสิ่งที่ดำเนินการไม่ตรงวัตถุประสงค์ สามารถรายงานคณะกรรมการฯ ได้ เพื่อระงับโครงการ และ 3. ตั้งคณะอนุกรรมการกำกับและติดตามผล เพื่อตรวจทานให้โครงการบรรลุวัตถุประสงค์