ทางรอดภาคก่อสร้างไทย ต้องใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วย

Date:

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC ประเมินว่า ภาคก่อสร้างไทยเผชิญวิกฤติที่สะสมต่อเนื่อง ทั้งปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังต้องยกระดับ Productivity ไปจนถึงความท้าทายในการประกอบธุรกิจด้านต้นทุน และสภาพคล่อง รวมถึงต้องยกระดับความสามารถในการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างที่สอดคล้องกับเทรนด์ความยั่งยืน

  • Productivity ของแรงงานในภาคก่อสร้างยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ รวมถึงในระยะ 10 ปี
    ที่ผ่านมา Productivity ของแรงงานในภาคก่อสร้างยังไม่สามารถปรับตัวสูงขึ้นได้มากนัก โดยมีอัตราการขยายตัวที่ 2.7%CAGR ซึ่งยังต่ำกว่าภาคบริการกลุ่มอื่น ๆ อย่างกิจกรรมโรงแรม และบริการด้านอาหาร นอกจากนี้ ยังมีความท้าทายในการประกอบธุรกิจ ทั้งข้อจำกัดทางด้านรายได้ การรับงานก่อสร้างใหม่ ๆ และการบริหารจัดการด้านต้นทุน ซึ่งอาจทำให้เผชิญปัญหาด้านสภาพคล่องของกิจการตามมา
  • ความต้องการสิ่งปลูกสร้างที่สอดคล้องกับเทรนด์การสร้างความยั่งยืน เช่น อาคารที่ได้รับรองมาตรฐานด้านความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาวะของผู้ใช้งาน อาคารอัจฉริยะ เป็นแรงกดดันให้ผู้รับเหมาก่อสร้างจำเป็นต้องมีการแข่งขันยกระดับความสามารถในการก่อสร้าง ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หรือผู้ว่าจ้างโครงการก่อสร้างได้

การนำเทคโนโลยีมาใช้ จะช่วยเพิ่ม Productivity และบริหารจัดการความท้าทายต่าง ๆ ในการประกอบธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงสร้างความสามารถในการแข่งขันเข้าประมูลงานก่อสร้าง 

  • เทคโนโลยีที่ผู้รับเหมาก่อสร้างมีการใช้อย่างแพร่หลาย ได้แก่ ซอฟต์แวร์ด้านการออกแบบและก่อสร้าง เทคโนโลยีก่อสร้างแบบสำเร็จรูป และการใช้บริการแพลตฟอร์มตัวกลาง ทั้ง B2B และ B2C ทั้งนี้ในปัจจุบันผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ และรายกลางบางส่วนเริ่มมีการนำ BIM และ 3D Printing มาใช้แล้ว นอกจากนี้ ยังมีศักยภาพในการนำ AI มาใช้ เช่น ขั้นตอนการออกแบบ และสร้างแบบจำลองสามมิติ การเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ภูมิอากาศ เพื่อวางแผนการดำเนินโครงการก่อสร้าง อีกทั้ง ยังสามารถนำ AI มาใช้เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายในพื้นที่ก่อสร้าง
  • สำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างรายกลางและเล็กควรเร่งยกระดับการใช้ BIM เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน
    และเป็นผู้รับเหมาช่วงของผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่มีการใช้ BIM อยู่แล้วได้ อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีมาใช้ในระยะแรก จะต้องลงทุนด้านเทคโนโลยี รวมถึงพัฒนาองค์ความรู้ และทักษะแรงงาน

ผู้รับเหมาก่อสร้างควรร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติ ที่มีเทคโนโลยีก่อสร้าง
ที่ทันสมัย เช่น สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ญี่ปุ่น เพื่อรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ทั้งนี้แผ่นดินไหว
ในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2025 ที่ผ่านมา เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีก่อสร้างที่ทันสมัย โดยผู้รับเหมาก่อสร้างไทยควรสร้างความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้รับเหมาก่อสร้างต่างชาติ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีก่อสร้างที่สามารถรองรับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี และสร้างความเชื่อมั่นสำหรับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หรือผู้ว่าจ้างโครงการก่อสร้างได้ต่อไป

การส่งเสริมให้ภาคก่อสร้างใช้เทคโนโลยีมากขึ้นยังต้องอาศัยมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดมาตรฐานการใช้ BIM ในการประมูลโครงการก่อสร้างภาครัฐที่มีมูลค่าโครงการสูง การลดภาษีเงินได้นิติบุคคล และการสนับสนุนเงินทุนสำหรับผู้รับเหมาก่อสร้างรายกลางและเล็กที่ลงทุนนำเทคโนโลยี BIM และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องมาใช้ สำหรับเทคโนโลยีก่อสร้างอื่น ๆ ทั้ง 3D Printing, AI, อุปกรณ์และเครื่องจักรอัตโนมัติ, Drone, Sensor, Smart wearable รวมถึงเทคโนโลยีก่อสร้างที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก็ยังต้องได้รับการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้ต้นทุนการผลิตอุปกรณ์ เครื่องจักร และซอฟต์แวร์ของเทคโนโลยีกลุ่มนี้มีแนวโน้มลดลง ในระดับที่สร้างความคุ้มค่าในการลงทุนนำเทคโนโลยีกลุ่มนี้มาใช้ได้

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

จับตาค่าเงินบาท และตลาดหุ้นไทย

จับตาค่าเงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือน และตลาดหุ้นไทย แตะจุดต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือนครึ่ง

EA เลื่อนการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ไปเป็น 27 มิ.ย. 

EA เลื่อนการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ไปเป็น 27 มิ.ย. เนื่องจากปัญหาทางเทคนิค

Aluminium Loop ผลักดันกระป๋องเข้าระบบรีไซเคิล สร้างรายได้ผู้เก็บกลับ 

Aluminium Loop จับมือ Green2Get - ลุงซาเล้งฯ ผุดแคมเปญ “Can Heroes” ผลักดันกระป๋องเข้าระบบรีไซเคิล สร้างรายได้แก่ผู้เก็บกลับ

เลขาธิการ คปภ. เปิดเวทีติวเข้ม “ผู้ไกล่เกลี่ย” 

เลขาธิการ คปภ. เปิดเวทีติวเข้ม “ผู้ไกล่เกลี่ย” รุ่นที่ 5 มุ่งลดข้อพิพาทด้านประกันภัย