
Krungthai COMPASS ปรับลดคาดการณ์ยอดการผลิตรถยนต์ไทยในปี 2568-69 ลงเหลือ 1.4-1.45 ล้านคัน อันเป็นผลมาจากสงครามการค้าที่ขยายวงกว้างมากขึ้น โดยเฉพาะการที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีศุลกากรรถยนต์และชิ้นส่วนฯ จากทุกประเทศ 25%
ในเบื้องต้นคาดว่าเหตุการณ์นี้จะกระทบต่อภาคการผลิตรถยนต์ไทย ใน 3 มิติ คือ 1) ไทยอาจได้รับผลกระทบทางตรง (ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลง) จากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ครั้งนี้บ้าง แต่อยู่ในวงจำกัด อย่างไรก็ดี ไทยอาจได้รับผลกระทบทางอ้อม ทั้งจาก 2) การถูกแทนที่ในตลาดส่งออกสำคัญ อาทิ ออสเตรเลีย โดยคู่แข่งอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และ 3) หากไทยกลายเป็นหนึ่งในตลาดเป้าหมายที่จีนหันมาดัมพ์ราคาเพื่อระบายสินค้า อาจนำไปสู่ภาวะสงครามราคาที่ยืดเยื้อต่อเนื่อง จะยิ่งซ้ำเติมปัญหาในภาคการผลิตที่มีอยู่เดิม
ผู้ส่งออกชิ้นส่วนฯ ไทย มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบโดยตรงจาก Sectoral Tariff ต่างกัน กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ยางรถยนต์ และเครื่องยนต์ เนื่องจากมีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯ สูง และมีความเสี่ยงต่อการขาดทุนมากกว่ากลุ่มอื่น ส่วนกลุ่มที่มีความเสี่ยงรองลงมา ได้แก่ อุปกรณ์ไฟฟ้า & อิเล็กทรอนิกส์ ตัวถัง & ตกแต่งภายใน ระบบกันสะเทือน และระบบเบรก แม้บางกลุ่มจะพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ไม่สูงนัก แต่ด้วยอัตรากำไรที่จำกัด จึงมีความเปราะบางต่อแรงกดดันหากต้องเผชิญต้นทุนที่เพิ่มขึ้น