“ภูมิธรรม” ถกกระตุ้นเศรษฐกิจ ใช้เงิน 1.57 แสนล้าน

Date:

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 4/2568 โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รมช.พาณิชย์ หัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายภูมิธรรม กล่าวก่อนการประชุมว่า เศรษฐกิจไทยประสบปัญหาเรื่องการขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่าศักยภาพ และสัดส่วนการลงทุนของภาครัฐและเอกชนเมื่อเทียบ กับ GDP อยู่ในระดับต่ำทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจเชิงโครงสร้างที่สะสมมานาน จึงจำเป็นต้องแก้ไข ปัญหาโดยเร่งด่วน เพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งได้อีกครั้ง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้วงเงิน 157,000 ล้านบาท 

“งบประมาณถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการแก้ปัญหาดังกล่าวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะผลการเจรจาเรื่องภาษีตอบโต้กับสหรัฐฯ วันนี้ขอให้คณะกรรมการร่วมกันทบทวนและพิจารณาข้อเสนอโครงการตามมติที่ประชุมของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรอบคอบ และสอดคล้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้งบประมาณในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เกิดประโยชน์เต็มที่ต่อระบบเศรษฐกิจบรรเทาผลกระทบจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปพร้อม ๆ กัน” รองนายกรัฐมนตรีกล่าว 

ด้านนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมฯรับทราบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.68 เรื่อง ข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้าการขอรับจัดสรรและผลการอนุมัติจัดสรรโครงการ/รายการตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.68 ซึ่งสามารถติดตามความก้าวหน้าของการจัดสรรงบประมาณโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.bb.go.th/peoplewatch/ ได้โดยตรง หรือเว็บไซต์สำนักงบประมาณ https://www.bb.go.th/ 

“นโยบายภาษีแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว หลักการและแนวทางการทบทวนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงต้องคำนึงถึงเหตุผลด้านเศรษฐกิจ การตรวจสอบ และให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้ผลกระทบ และการพัฒนาทุนมนุษย์ เพื่อตอบโจทย์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในอนาคต” นางสาวศศิกานต์ กล่าว

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

SAM ร่วมใจถวายพระพรในหลวง ร.10

SAM ร่วมใจถวายพระพรในหลวง ร.10 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา

SME D Bank ช่วยเอสเอ็มอี ชายแดนไทย-กัมพูชา 

SME D Bank ช่วยเอสเอ็มอี ชายแดนไทย-กัมพูชา ออกมาตรการเร่งด่วน ‘พัก-ตัด-ลด-ขยาย-เติม’ บรรเทาความเดือดร้อน ประคองธุรกิจ ก้าวข้ามวิกฤตมั่นคง

ปตท.สผ. ครึ่งปีแรก 2568 กำไร 3 หมื่นล้านบาท

ปตท.สผ. ครึ่งปีแรก 2568 กำไร 3 หมื่นล้านบาท พร้อมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 4.10 บาทต่อหุ้น

ไทยไม่ยอมสหรัฐฯ ให้ภาษีนำเข้า 0% ทั้งหมด

ปลัดคลัง ยืนยัน ไทยไม่ยอมสหรัฐฯ ให้ภาษีนำเข้า 0% ทั้งหมด ยังมีรายการไทยสงวนไว้