
บางกอกเคเบิ้ล เดินหน้าขยายพอร์ตธุรกิจพลังงานสะอาดครบวงจร ส่ง “ไอออน เอนเนอร์ยี่” ลุยตลาดโซลาร์รูฟสำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไป โชว์พอร์ตแกร่งเบอร์ 1 โซลาร์ที่ได้รับความไว้วางใจจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศ อาทิ แสนสิริ, ศุภาลัย, เอสซี แอสเสท และ เอพี (ไทยแลนด์) ในการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ในโครงการที่อยู่อาศัยหลากหลายประเภททั่วประเทศ รวมกว่า 6,000 หลัง สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือ มาตรฐานคุณภาพ และความเชี่ยวชาญในฐานะผู้นำตลาดโซลาร์สำหรับภาคที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง พร้อมชูจุดแข็งบริการติดตั้งครบวงจร รับแรงหนุนมาตรการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาบ้านติดโซลาร์ สูงสุด 200,000 บาท ดึงดูดผู้บริโภคให้เข้าถึงพลังงานสะอาดได้ง่ายขึ้น ช่วยลดค่าไฟและภาษีในคราวเดียว ตั้งเป้ากวาดยอดติดตั้งครึ่งปีหลังทะลุ 1,500 หลังคาเรือน
นายพงศภัค นครศรี ประธานเจ้าหน้าที่สายงานขายและการตลาด บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด หรือ Bangkok Cable (BCC) ผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาสายไฟฟ้าและสายเคเบิลชั้นนำของประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าขยายพอร์ตฟอลิโอธุรกิจพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดจากธุรกิจสายไฟฟ้าที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว สู่การสร้างโซลูชันครบวงจรด้านพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ด้านพลังงานสะอาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั้งในประเทศและภูมิภาค ล่าสุด บริษัทเตรียมส่งบริษัท ไอออน เอนเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ION Energy) บริษัทในเครือ เดินหน้ารุกตลาดโซลาร์รูฟสำหรับบ้านทั่วไปอย่างเต็มรูปแบบ
“เรามองว่าตลาดโซลาร์รูฟมีศักยภาพสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อภาครัฐออกมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุด 200,000 บาทสำหรับบ้านที่ติดตั้งโซลาร์รูฟ ทำให้ความต้องการของผู้บริโภคขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลได้ตั้งงบประมาณสนับสนุนมาตรการนี้ไว้ราว 20,200 ล้านบาท และตั้งเป้าให้มีครัวเรือนเข้าร่วมโครงการกว่า 90,000 หลังภายใน 2 ปี ION Energy มีจุดแข็งจากประสบการณ์ติดตั้งโซลาร์รูฟให้แก่โครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ การให้ ION Energy ลงมาเล่นตลาดบ้านทั่วไปเพิ่มเติม จึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และช่วยส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท” นายพงศภัค กล่าว
ที่ผ่านมา ION Energy ดำเนินธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.การลงทุนติดตั้งโซลาร์ฟรีผ่านสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Solar PPA) ให้แก่กลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม อาทิ โรงแรมเดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน, โรงงานผลิตโก๋แก่ และบริษัทในเครือ ปตท. 2.การรับเหมาจัดหาและติดตั้งแผงโซลาร์แบบขายขาด (Solar EPC) สำหรับลูกค้าในภาคที่อยู่อาศัยและการพาณิชย์ เช่น โรงงานในกลุ่ม SCGP, สาขาธนาคารกสิกรไทย (KBank) และธนาคารออมสิน (GSB) ทั่วประเทศ รวมถึงโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่และบ้านพักอาศัยทั่วไป โดยใช้อุปกรณ์คุณภาพสูง อาทิ สายไฟของบางกอกเคเบิ้ล (BCC) ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อรองรับระบบโซลาร์อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ 3.เทคโนโลยีด้านพลังงานอัจฉริยะ (Solar Tech) ผ่านแพลตฟอร์มบริหารจัดการพลังงานที่ออกแบบและพัฒนาโดย ION Energy เอง รองรับการเชื่อมต่อกับอินเวอร์เตอร์จากผู้ผลิตชั้นนำหลากหลายแบรนด์ และสามารถผสานการทำงานร่วมกับระบบของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เช่น PLUS เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่ไร้รอยต่อ (seamless experience) ให้แก่ผู้อยู่อาศัย พร้อมความสามารถในการติดตามและบริหารการใช้พลังงานของบ้านแต่ละหลังแบบเรียลไทม์ ปัจจุบัน ION Energy มียอดติดตั้งโซลาร์รูฟสะสมแล้วกว่า 80 เมกะวัตต์ ครอบคลุมทั้งภาคที่อยู่อาศัย ธุรกิจ และอุตสาหกรรมทั่วประเทศ
ด้านนายพีรกานต์ มานะกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอออน เอนเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ION Energy ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ตลาดโซลาร์รูฟในปัจจุบันมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ประกอบการรายใหม่ก้าวเข้าสู่ตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนถึงความสนใจของภาคประชาชนและภาคธุรกิจต่อพลังงานสะอาดที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศด้านพลังงานหมุนเวียน (CASE for SEA) ได้ประเมินว่า ศักยภาพของตลาดโซลาร์รูฟภาคครัวเรือนในประเทศไทยอาจสูงถึง 9,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2037 ซึ่งคิดเป็นมูลค่าตลาดรวมกว่า 360,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าตลาดยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมหาศาล และเป็นจังหวะสำคัญที่ทุกภาคส่วนควรร่วมกันขับเคลื่อน เพื่อสร้างประโยชน์อย่างยั่งยืนทั้งในระดับเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยยังขาดความรู้ความเข้าใจในหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งโซลาร์รูฟ ไม่ว่าจะเป็นระบบการทำงาน ขนาดการติดตั้งที่เหมาะสม ความแตกต่างของอุปกรณ์ในท้องตลาด ไปจนถึงประโยชน์ที่แท้จริงที่ผู้ใช้จะได้รับ รวมถึงรายละเอียดของมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น สิทธิ์การลดหย่อนภาษีที่จะประกาศใช้ในอนาคตอันใกล้ ด้วยประสบการณ์อันแข็งแกร่งของ ION Energy ในการติดตั้งโซลาร์รูฟให้แก่โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ บริษัทจึงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะเบอร์หนึ่งด้านโซลาร์รูฟภาคที่อยู่อาศัย ที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำเลือกใช้ อาทิ แสนสิริ ศุภาลัย เอสซี แอสเสท และเอพี (ไทยแลนด์) โดยมีผลงานติดตั้งแล้วมากกว่า 6,000 หลังคาเรือนทั่วประเทศ สะท้อนถึงมาตรฐานคุณภาพและความเชื่อมั่นจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ
“เรามีความพร้อมในทุกมิติ ทั้งทีมงานเทคนิคที่มีประสบการณ์สูง เทคโนโลยีที่ใช้งานง่าย ตอบโจทย์ครบทุกความต้องการ ตลอดจนองค์ความรู้ด้านโซลาร์ที่เรามุ่งมั่นส่งต่อให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เราเชื่อว่ามาตรการจากภาครัฐที่ประกาศใช้ในปีนี้ จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยเร่งการเติบโตของตลาดโซลาร์รูฟอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ภาคครัวเรือน ซึ่งถือเป็นมาตรการเชิงบวกที่ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้พลังงานสะอาดได้มากขึ้น ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เปิดโอกาสให้กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงน้อยสามารถติดตั้งโซลาร์รูฟได้มากขึ้น อีกทั้งยังส่งผลบวกต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรมพลังงานสะอาดโดยรวม ทั้งในด้านการผลิต การติดตั้ง การจ้างงาน และบริการหลังการขาย ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศอย่างยั่งยืน” นายพีรกานต์ กล่าว
เพื่อรองรับดีมานด์ที่กำลังขยายตัว บริษัทเตรียมวางแผนการตลาดเชิงรุกควบคู่กับการให้บริการหลังการขายแบบครบวงจร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มที่เริ่มติดตั้งโซลาร์รูฟเป็นครั้งแรก อาทิ การให้คำปรึกษาฟรีถึงหน้าบ้าน ฟรีสำรวจหน้างาน ฟรีประเมินการใช้ไฟ รวมถึงบริการหลังการขายที่รวดเร็วถึงหน้าบ้าน พร้อมตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มบ้านพักอาศัยให้ได้ถึง 20% ภายในปีนี้ และคาดว่าจะได้รับคำสั่งซื้อมากกว่า 1,500 หลังคาเรือนในช่วงครึ่งปีหลัง ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ionenergy.ai/
ION Energy เชื่อมั่นว่า ความแข็งแกร่งของทีมงาน เทคโนโลยี และมาตรฐานคุณภาพที่ได้รับการยอมรับ ประกอบกับการสนับสนุนสำคัญจากบางกอกเคเบิ้ล จะเป็นแรงหนุนสำคัญที่ช่วยผลักดันให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานสะอาดของไทยได้ในอนาคต
สำหรับ บริษัท สายไฟฟ้าบางกอกเคเบิ้ล จำกัด หรือ Bangkok Cable (BCC) เป็นผู้นำด้านการผลิตและพัฒนาสายไฟฟ้าและสายเคเบิลชั้นนำของประเทศไทย ก่อตั้งในปี พ.ศ.2507 ให้บริการครอบคลุม 7 กลุ่มการใช้งาน ได้แก่ 1.ระบบผลิตและส่งพลังงานไฟฟ้า (Transmission) 2.ระบบจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า (Distribution) 3.ระบบไฟฟ้าภายในบ้านพักและอาคาร (Construction and Building) 4.ระบบขนส่งและคมนาคม (Transportation and Mobility) 5.ระบบไฟฟ้าในโรงงาน และภาคอุตสาหกรรม (Industrial) 6.พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) และ 7.ระบบไฟฟ้าในรถยนต์ (Automotive) เพื่อสร้างความปลอดภัยและขับเคลื่อนเมืองสู่อนาคต ปัจจุบัน มีลูกค้าโครงการขนาดใหญ่ของทั้งภาครัฐและเอกชนจำนวนมากที่ใช้สายไฟฟ้าของบางกอกเคเบิ้ล อาทิ โครงการวัน แบงค็อก (One Bangkok) สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 โครงการสายไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้าสายสีชมพู โครงการรถไฟทางคู่สายตะวันออก และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยน้ำ เขื่อนอุบลรัตน์ นอกจากนี้ บริษัท มีส่วนสนับสนุนโครงการ ASEAN Power Grid โดยเฉพาะโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนหลวงพระบาง (Luang Prabang Hydropower Project) ในประเทศลาว