กลุ่มอมตะ บุ๊คกำไร H1/68 โตต่อเนื่อง 969 ล้านบาท

Date:

นางสาวเด่นดาว โกมลเมศ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของ ปี 2568 บริษัทฯ สามารถทำรายได้รวม   5,765 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีรายได้รวม  5,457 ล้านบาท และกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 969 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยแบ่งเป็นธุรกิจขายที่ดินที่มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มขึ้น 41% อยู่ที่ 2,867 ล้านบาท จากการโอนที่ดินรวม 450 ไร่ (ไทย 371 ไร่ และเวียดนาม 79 ไร่) ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้นเป็น 52% จาก 49% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกันบริษัทมี backlog รอการโอนสูงถึง 25,034 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในอนาคต

ส่วนการให้บริการด้านสาธารณูปโภค ยังเป็นฐานรายได้มั่นคง อยู่ที่ 2,283 ล้านบาท แม้ว่าจะลดลงจากปีก่อนก็ตาม แต่ยังคงมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับดีขึ้น เป็น 19% ส่วนธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปให้เช่ามีรายได้ 501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% อัตราการเช่าสูงกว่า 77% สะท้อนดีมานด์ที่ต่อเนื่อง จากนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่ธุรกิจพลังงานเป็นแรงขับเคลื่อน กำไรของอมตะ สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมและการร่วมค้า 470 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% โดยมาจากกลุ่มโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ ที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอและมีสัดส่วนสูงถึง 73% ของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนทั้งหมด

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2568 เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) มีรายได้รวม 2,375 ล้านบาท ลดลง 13% จากปีก่อน ส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้า 241 ล้านบาท ลดลง 7% กําไรสุทธิ  270 ล้านบาท ลดลง 33% กําไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท 140 ล้านบาท ลดลง 40%

อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานของบริษัทยังคงได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุน โดยเฉพาะฐานะการเงินของกลุ่มอมตะยังมีความแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 69,507 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากสิ้นปี 2567 ส่วนใหญ่เป็นที่ดินเพื่อการพัฒนาในอนาคต ขณะที่ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “A- แนวโน้ม Stable” สะท้อนความน่าเชื่อถือและเสถียรภาพทางการเงินของอมตะ

ด้านนายโอซามู ซูโด รักษาการประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจโลกในไตรมาส 2 ปี 2568 ว่ายังคงเผชิญความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้า โดยเฉพาะการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้ อัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐฯ ต่อประเทศไทยอยู่ที่ระดับ 19% ซึ่งเป็นอัตราใกล้เคียงทั้งภูมิภาค เชื่อมั่นว่า มาตรการภาษีที่ออกมา จะส่งผลให้เกิดการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนมายังไทยมากขึ้น    ในขณะเดียวกัน ยังต้องติดตามเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เพื่อแก้ปัญหาการชะลอตัวจากภาคการผลิตและการท่องเที่ยวที่ลดลง รวมถึงการใช้จ่ายภาครัฐที่หดตัว แม้การบริโภคเอกชนยังคงทรงตัว 

อย่างไรก็ตาม การส่งออกไทยยังเติบโตอย่างโดดเด่นในหลายกลุ่มสินค้า ทั้งอิเล็กทรอนิกส์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าเกษตร   ในส่วนของกลุ่มอมตะ ยังคงมุ่งหน้าพัฒนา ภายใต้หลัก “Perfect Smart City” ทั้งในไทยและต่างประเทศ บนแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ครอบคลุมมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยเฉพาะการจัดการทรัพยากรน้ำที่มีประสิทธิภาพ ล่าสุดนิคมอุตสาหกรรมอมตะประสบความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมาย Zero Waste to Landfill และนำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดกลับมาใช้ใหม่ 100% ในปี 2567 ช่วยลดต้นทุนจัดหาน้ำได้กว่า 73 ล้านบาทต่อปี

“แม้เศรษฐกิจโลกและไทยยังมีความท้าทาย แต่อมตะเชื่อมั่นว่าการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ยึดหลักยั่งยืน จะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจและชุมชนในระยะยาว” นายซูโด กล่าวทิ้งท้าย

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

เอไอเอ ประเทศไทย คว้ารางวัล Asia Responsible Enterprise Awards

เอไอเอ ประเทศไทย คว้ารางวัล Asia Responsible Enterprise Awards 2025 จาก Enterprise Asia ติดต่อกันเป็นปีที่ 4

เอไอเอ ประกาศรางวัล “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี”

เอไอเอ ประกาศรางวัลโรงเรียนที่ชนะเลิศในโครงการแข่งขัน “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools” ปีที่ 3

กลุ่มบริษัทเอไอเอ ครองอันดับ 1 บริษัทที่มีสมาชิกสโมสรล้านเหรียญ

กลุ่มบริษัทเอไอเอ ครองอันดับ 1 บริษัทที่มีสมาชิกสโมสรล้านเหรียญโต๊ะกลม (MDRT) มากที่สุดในโลก 11 ปีติดต่อกัน

เอไอเอ ประเทศไทย นำทีมพลังตัวแทนร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิต

เอไอเอ ประเทศไทย นำทีมพลังตัวแทนร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิต เนื่องในวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 24