ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เผย ตลาดบ้านมือสองฟื้น

Date:

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลประกาศใช้มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ การลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท และการผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราวของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งผลให้อุปสงค์การโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 (QoQ) ทั้งจำนวนหน่วยและมูลค่า โดยมีจำนวน 77,343 หน่วย เพิ่มขึ้น 18.5% จากการโอนในไตรมาส 1 ที่มีจำนวน 65,276 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 210,056 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.7% จากยอดการโอนในไตรมาส 1 ที่มีมูลค่า 181,545 ล้านบาท ซึ่งเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยแนวราบ ทั่วประเทศ จำนวน 53,982 หน่วย เพิ่มขึ้น 24.2 % จากไตรมาส 1 ที่มีจำนวน 43,462 หน่วย และมีมูลค่า 156,692 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.8% จากไตรมาส 1 ที่มีมูลค่า 125,557 ล้านบาท และเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั่วประเทศจำนวน 23,361 หน่วย เพิ่มขึ้น 7.1% จากไตรมาส 1 มีจำนวน 21,814 หน่วย แต่มีมูลค่า 53,364 ล้านบาท ลดลง -4.7% จากไตรมาส 1 ซึ่งมีมูลค่า 55,988 ล้านบาท โดยปัจจัยที่ทำให้มูลค่าการโอนปรับลดลง เนื่องจากไตรมาสก่อน มีการโอนห้องชุดราคาสูงกว่า 7 ล้านขึ้นไปเป็นจำนวนมาก 

อย่างไรก็ตามหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) การโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ ในไตรมาส 2 ปี 2568 มีจำนวน 77,343 หน่วย ลดลง -10.9% และมีมูลค่า 210,056 ล้านบาท ลดลง -13.6% โดยที่อยู่อาศัยแนวราบมีการโอนจำนวน 53,982 หน่วย ลดลง -7.7% และมีมูลค่า 156,692 ล้านบาท ลดลง -9.3% และอาคารชุดมีการโอน จำนวน 23,361 หน่วย ลดลง -17.5% และมีมูลค่า 53,364 ล้านบาท ลดลง -24.1% ส่งผลให้ภาพรวมครึ่งแรกปี 2568 มีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศมีจำนวน 142,619 หน่วย ลดลง -10.7% และมีมูลค่า 391,601 ล้านบาท ลดลง -13.3% 

ส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติ ไตรมาส 2 ปี 2568 มีแนวโน้มลดลงจากปีก่อน โดยมีจำนวน 3,248 หน่วย ลดลง -2.2% และมีมูลค่า 12,318 ล้านบาท ลดลง -16.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติมีสัดส่วนคิดเป็น 13.9% ของการโอนทั้งระบบ ซึ่งลดลงจากไตรมาสก่อน ที่มีสัดส่วน 18.0% และมีมูลค่า 23.1% ลดลงจากไตรมาสก่อน ที่มีสัดส่วน 29.3% โดยชาวต่างชาติที่มีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดทั่วประเทศสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ จีน พม่า รัสเซีย ไต้หวัน ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมัน อินเดีย และญี่ปุ่น ซึ่งจีนมีแนวโน้มการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดลดลงต่อเนื่อง โดยในไตรมาสนี้ มีจำนวน 899 หน่วย ลดลง -28.8% และมีมูลค่า 3,391 ล้านบาท ลดลง -39.4% และคาดว่ากำลังซื้อชาวจีนมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังปี 2568 ขณะที่พม่ามีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดจำนวน 533 หน่วย เพิ่มขึ้น 119.3% มีมูลค่า 1,347 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.9%  และคาดว่ากำลังซื้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ทำให้ที่อยู่อาศัยในพม่าได้รับความเสียหาย 

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังของปี 2568 มีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่องจากช่วงครึ่งแรก ซึ่งเป็นผลมาจากผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมของมาตรการภาษีสหรัฐฯ ที่มีผลกระทบต่อรายได้ของภาคธุรกิจ ลูกจ้าง และผู้ประกอบอาชีพอิสระ ทำให้กำลังซื้อของประชาชนมีแนวโน้มลดลง ขณะที่การลงทุนของผู้ประกอบการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย หรือโครงการเปิดขายใหม่มีแนวโน้มลดลงและผู้ซื้อบ้านขาดความสามารถในการกู้สินเชื่อที่อยู่อาศัย ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายกลางและเล็กมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องสูงขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยว มีแนวโน้มลดลงจากปีก่อนตามการแข่งขันในภูมิภาคที่รุนแรงขึ้น และปัญหาการปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ดังนั้น REIC จึงคาดว่าทั้งปี 2568 จะมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ จำนวน 343,678 หน่วย ลดลง -1.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 347,799 หน่วย และมีมูลค่า 964,027 ล้านบาท ลดลง -1.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีมูลค่า 980,648 ล้านบาท 

ด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 มีมูลค่า 134,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.6% จากไตรมาส 1 (QoQ) ซึ่งมีมูลค่า 109,368 ล้านบาท และลดลง -6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 143,409 ล้านบาท (YoY) โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยบุคคล มูลค่า 243,483 ล้านบาท ลดลง -7.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่า 264,330 ล้านบาท REIC คาดการณ์ว่าสินเชื่อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ ทั่วประเทศ ในปี 2568 จะมีมูลค่าประมาณ 582,800 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี 2567 ซึ่งมีมูลค่า 584,843 ล้านบาท

ด้านอุปทานโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ ในพื้นที่กรุงเทพฯ- ปริมณฑล ผู้ประกอบการเปิดขายโครงการ ที่อยู่อาศัยใหม่ในไตรมาสนี้เพียง 6,165 หน่วย ซึ่งเป็นจำนวนการเปิดขายที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการสำรวจข้อมูลเป็นรายไตรมาส โดยเริ่มสำรวจข้อมูลตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2565 และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ในภาพรวมไตรมาสนี้ ลดลง -64.6% เป็นการลดลง 6 ไตรมาสต่อเนื่อง โดยที่อยู่อาศัยแนวราบ เปิดขายลดลง -59.7% และอาคารชุด เปิดขายลดลง -70.4% ซึ่งช่วงครึ่งแรก ปี 2568 มีการเปิดขายโครงการใหม่

รวม 17,988 หน่วย ลดลง -46.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยที่อยู่อาศัยแนวราบเปิดขายลดลง -58.1% และอาคารชุดเปิดขายลดลง  -34.1% REIC คาดว่าทั้งปี 2568 ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลจะมีโครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ จำนวน 52,000 หน่วย ลดลง -17.2% จากปี 2567 หรือลดลงไปใกล้เคียงกับปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด ที่คาดว่าจะมีมูลค่าที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ประมาณ 390,000 ล้านบาท ลดลง -22.2% จากปี 2567

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

กรมศุลกากร จัดกิจกรรม CSR โรงเรียนบ้านโป่งเก้ง

กรมศุลกากร จัดกิจกรรม CSR มอบอุปกรณ์กีฬา เครื่องคอมพิวเตอร์และมอบทุนการศึกษาแก่ โรงเรียนบ้านโป่งเก้ง อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี

“DAD–บช.ก.–เมทเธียร์” ป้องกันอาชญากรรมดิจิทัล

รัฐวิสาหกิจใช้เทคโนโลยีดิจิทัลป้องกันอาชญากรรม ผนึกกำลัง DAD–บช.ก.–เมทเธียร์ เสริมความมั่นใจศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ

กรมชลประทาน ติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ EEC

กรมชลประทาน ติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก และพื้นที่ EEC หนุนเศรษฐกิจพื้นที่ขยายตัว สร้างความมั่นใจประชาชน นักลงทุน

“ซีเนียร์ คอม” เปิดตัว “H-Meter Capital” 

“ซีเนียร์ คอม” เปิดตัว “H-Meter Capital” ชูเทคโนโลยีปฏิวัติวงการเช่าซื้อไทย ขับเคลื่อนสู่การเป็นผู้นำด้านแพลตฟอร์มสินเชื่อดิจิทัล