
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ร่วมแสดงความยินดีแก่นักสาธารณสุขดีเด่น ผู้ได้รับพระราชทานรางวัล “ชัยนาทนเรนทร ปี 2567 และร่วมพิธีปิดการประชุมวิชาการสาธารณสุข 2568 โดยนายอนุทิน ได้รับรางวัลชัยนาทนเรนทร ประจำปี 2567 ด้านนักการสาธารณสุขดีเด่น ประเภทบริหาร โดยมีผลงานสำคัญคือควบคุมโรคระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับ 1 ต้นแบบการควบคุมโรคโควิด -19 ด้วย
โดยก่อนเริ่มงานผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดวันนี้จึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ นายอนุทิน ยิ้มพร้อมตอบว่า “มาเจอแฟนเก่า คือ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข” ทั้งนี้มีรายงานว่า ก่อนเริ่มงาน นพ.โอภาส ได้นำทีมบริหารกระทรวงสาธารณสุข มอบพวงมาลัยช่อใหญ่อวยพรวันเกิดล่วงหน้านายอนุทินอายุครบ 59 ปี ในวันที่ 13 ก.ย.นี้
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “สาธารณสุขไทย สู่อนาคตที่ยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า วันนี้มาพบกับท่านในบรรยากาศเช่นนี้ ทำให้รู้สึกคิดถึงเหมือนตัวเองได้กลับคืนสู่เหย้าอีกครั้ง เพราะตั้งแต่พ้นตำแหน่งรมว.สาธารณสุข เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ยอมรับว่าคิดถึงกระทรวงสาธารณสุขอยู่ตลอด ตนออกไปจากกระทรวงสาธารณสุข 2 ปี ไปมีบทบาทต่างๆที่กระทรวงอื่น พักร้อนไป 2 เดือน และกลับมารับใช้ชาติบ้านเมืองอีกครั้งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องบอกว่าสิ่งที่ตนจดจำและประทับใจมากคือตอนที่ทำงานอยู่กระทรวงสาธารณสุข เพราะใช้เวลาทำงานที่นี่ตั้งแต่เป็นรมช.สาธารณสุข เมื่อ 22 ปีที่แล้ว ถือว่าใช้เวลาในกระทรวงสาธารณสุขเกือบ 7 ปี ที่ทำงานกับพวกท่าน พบกับสิ่งที่ท้าทายสิ่งที่เป็นปัญหา สิ่งดีงาม และสิ่งที่ต้องแก้ไข พบมาในทุกมิติ แต่สิ่งที่มั่นใจคือความร่วมมือที่ได้จากข้าราชการทุกระดับในกระทรวงสาธารณสุข ทำให้ภารกิจต่างๆ บรรลุผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ได้รับการยอมรับประสบความสำเร็จ และสิ่งที่พวกเราต้องการมากที่สุดคือสุขภาพที่ดีของพี่น้องประชาชน เชื่อว่าวันนี้กระทรวงสาธารณสุข ดำรงสถานะเป็นผู้นำทางด้านการสาธารณสุขเป็นลำดับต้นๆของโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลก กระทรวงสาธารณสุขคงต้องปรับตัว ซึ่งตนมั่นใจว่าถ้าเราทำงานกันด้วยความรัก ความเข้าใจ และความเชื่อมั่นจะไม่มีปัญหาใดๆ
นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนได้รับเกียรติอย่างสูงที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอชื่อให้ได้รับรางวัล “ชัยนาทนเรนทร” ด้านการสาธารณสุขดีเด่น ประเภทนักบริหาร ทำให้ตนรู้สึกภาคภูมิใจ และคิดถึงกระทรวงสาธารณสุขมากขึ้น ตนตระหนักดีว่ารางวัลนี้ไม่ได้เป็นเกียรติยศส่วนตัว แต่เป็นผลงานแห่งความสำเร็จของทุกคน ที่ได้ร่วมงานด้วยกันมาสมัยที่ตนดำรงตำแหน่งรมว.สาธารณสุข สิ่งที่ตนภาคภูมิใจคือพวกเราทุกคนในห้องนี้ และผู้ที่เกษียณไปแล้วเมื่อเร็วๆนี้ ได้ช่วยกันนำพาระบบการสาธารณสุขของไทยให้ไปยืนแถวหน้า สร้างความมั่นคง ความเชื่อมั่น ทำให้เราไปยืนอยู่ในเวทีนานาชาติได้ในฐานะผู้นำที่ได้รับการยอมรับนับถือจากวงการสาธารณสุขทั่วโลก และหลังจากผ่านวิกฤตต่างๆ ระบบสาธารณสุขไทยยังได้รับการขนานนามว่าเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
นายกฯ กล่าวว่า เวลาตนไปไหนมาไหนก็คุยนักคุยหนาว่าองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้ระบบการสาธารณสุขของประเทศไทยอยู่แถวหน้าได้ นอกจากแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ของระบบสาธารณสุขของประเทศไทยยังมีพี่น้องอสม. ที่เป็นกลไกสำคัญอยู่เคียงข้างระบบสุขภาพของไทยมาตลอด โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ที่แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่เป็นที่ยอมรับ
นายกฯ กล่าวด้วยว่า วันนี้เราเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อย่างสมบูรณ์แบบ ยาดี หมอดี พยาบาลดี เภสัชกรดี อสม.ดี คนก็ไม่อยากตายอยากอยู่ไปเรื่อยๆ แต่ทำอย่างไรจะอยู่ได้ด้วยตัวเอง ลูกหลานทำงานได้ปกติช่วยเสริมสร้างรายได้รัฐ เพื่อเอามาดูแลพี่น้องประชาชน เราต้องปรับรูปแบบการรักษาพยาบาลมากขึ้น เพราะโรงพยาบาลมีเพิ่มเท่าไหร่ก็ไม่พอ จึงเริ่มมีเรื่องการรักษาที่บ้านโดยใช้ระบบต่างๆในการดูแล ช่วงที่ตนอยู่กระทรวงมหาดไทยได้ไปตามชุมชนหมู่บ้านต่างๆ เห็นว่าระบบการสาธารณสุขตามไปดูแลถึงบ้านจริงๆ แต่สิ่งที่ยังขาดอยู่คือคุณภาพชีวิตยังไม่ดีพอ ยังอยู่แบบติดเตียง เราไม่ต้องการให้เห็นสภาพแบบนั้น จึงคิดว่าทำอย่างไรที่จะทำให้คนที่ไม่ควรจะถึงวัยที่เป็นภาระของคนอื่น ให้เขาอยู่ดูแลตัวเองให้ได้มากที่สุด นี่เป็นโจทย์สำคัญที่เมื่อตนเข้ามาได้รับตำแหน่ง และแถลงนโยบาย คงมอบให้เป็นภารกิจของรมว.สาธารณสุขท่านใหม่นำไปปฏิบัติงานร่วมกับพวกท่าน
นายกฯ กล่าวว่า ช่วงที่อยู่กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้การสนับสนุนเรื่องเจ้าหน้าที่ในระบบสาธารณสุข ให้มีมากที่สุดเพื่อเพียงพอต่อผู้ป่วย อนุมัติโดยอนุทินทุกเรื่อง ด้วยความที่เราเข้าใจถึงความจำเป็น วันนี้มาอยู่ตรงนี้แล้วท่านก็ช่วยทำให้มันเร็ว ทำทุกอย่างเพื่อประชาชน เรื่องสาธารณสุขตนไม่เป็นกลาง ตนเอียงเข้าข้างสาธารณสุขอยู่แล้ว เพราะการได้เอียงเข้าข้างคนในวงการสาธารณสุข จะสามารถทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชนได้อย่างมหาศาลโดยเฉพาะเรื่องคุณภาพชีวิต
“มาวันนี้ถ่านไฟเก่ายังอยู่ เชื่อว่าทุกท่านเข้าใจความผูกพันที่ผมมีกับกระทรวงสาธารณสุข รักกันไม่มีวันหมดอายุ ขอให้เรามั่นใจซึ่งกันและกัน จะเร่งสร้างสิ่งดีงามให้กับระบบสาธารณสุข ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับประชาชน เราเชื่อใจกันแล้วอย่างอื่นก็เป็นเรื่องง่าย” นายกฯ กล่าว
เมื่อกล่าวเสร็จสิ้นนายอนุทินลงจากเวที ข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)ได้เข้ามาขอถ่ายรูปเซลฟี่ และมอบดอกกุหลาบให้กำลังใจ และตะโกนว่า “นายกฯสู้ๆ”