
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สัญญาณความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ปรับตัวดีขึ้นในหลายจุด จากทัศนคติเชิงบวกของประชาชนต่อการปรับเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่ง พลัส และภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัว ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศและสนับสนุนธุรกิจภาคการค้าและบริการ เชื่อจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต (3 เดือนข้างหน้า) ปรับตัวเพิ่มขึ้น อยู่ที่ระดับ 56.0 ซึ่งสอดคล้องกับศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่ได้เปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เดือนกันยายน 2568 อยู่ที่ 50.7 ปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 44.4 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 59.3 ซึ่งดัชนีความเชื่อมั่นฯ ทุกรายการปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือนเช่นเดียวกัน โดยปัจจัยบวกสำคัญมาจากการเมืองในประเทศเริ่มมีความชัดเจนขึ้น หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งหนุนความเชื่อมั่น บรรยากาศการลงทุน และภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ขณะที่สภาธุรกิจตลาดทุนไทยก็ได้ สำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ในเดือนกันยายน 2568 พบว่าอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรง ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ธันวาคม 2568) โดยนักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด ขณะที่ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทยก็เห็นว่า การสานต่อนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบันสร้างความต่อเนื่องทางเศรษฐกิจ เช่น จาก โครงการคนละครึ่ง ต่อยอดสู่ “โครงการคนละครึ่ง พลัส” การออมเพื่อการเกษียณอายุและหวยออมทรัพย์ เป็นต้น
“นายกฯกำชับทุกกระทรวง โดยเฉพาะทีมกระทรวงเศรษฐกิจที่ต้องเร่งเดินหน้ามาตรการ “Quick Big Win” ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 4 เดือนข้างหน้า กระตุ้นโมเมนตัม จุดติดเครื่องยนต์เศรษฐกิจ พลิกฟื้นบรรยากาศการค้า และการลงทุน ทำให้ประชาชนพร้อมจะกลับมาจับจ่ายใช้สอยในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ แม้จะเป็นมาตรการระยะสั้น แต่เชื่อว่าจะส่งต่อเนื่องในระยะยาวอีกด้วย” นายสิริพงศ์ กล่าว