
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งไต่สวน คณะรัฐมนตรี(ครม.)สมัยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ซึ่งนายอนุทินขณะนั้นเป็นรองนายกฯและรมว. มหาดไทย กรณีกระทำผิดตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 กรณีโยกงบประมาณของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 5 แห่ง วงเงิน 35,000 ล้านบาท ไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เข้าข่ายความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่ ว่า ก็ต้องชี้แจง แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นข้อมูลจากป.ป.ช. ยืนยันเราต้องชี้แจงในเจตนา ซึ่งเจตนารมณ์สุจริตอยู่แล้ว ก็ชี้แจงไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของท่าน เราไปก้าวก่ายไม่ได้
เมื่อถามว่าการประชุมครม.ในวันนั้นมีการสงวนความเห็นอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า การประชุมครม.ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ผิดกฎหมาย หรือผิดรัฐธรรมนูญ หรือเสียหายต่อประเทศชาติ เราก็ต้องเห็นด้วย
เมื่อถามต่อว่าดูแล้วว่าทำตามกฏหมายใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า เรื่องที่จะเข้าครม. ก็ต้องทำตามกฏหมาย ผ่านการกลั่นกรองของเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หรือใครมีอะไรก็ถามเลขาธิการกฤษฎีกา เราก็ต้องเชื่อหน่วยงานที่เป็นองคาพยพของเรา

“เลขาฯ กฤษฎีกา” แจงปม โยกงบ 3.5 หมื่นล้านแ ต้องดูเป็นรายบุคคล
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับเรื่องไว้ไต่สวนนายเศรษฐา ทวีสิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี (ครม.) กับพวก โยกงบ 3.5 หมื่นล้านบาท ไปทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ตามหลักถ้าเป็นแบบนั้น เลขาธิการ ครม.จะเป็นผู้ทำหนังสือชี้แจง เพราะเป็นเรื่องของที่ประชุม ครม.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทุกคนในห้องประชุม ครม.วันที่มีมติดังกล่าวต้องถูกไต่สวนหมดหรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นสำนวน ต้องดูว่ามีการตั้งไต่สวนอย่างไร เมื่อถามถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งเป็นรองนายกฯและรมว.มหาดไทย ใน ครม.ชุดดังกล่าว นั่งร่วมประชุม ครม.อยู่ด้วย นายปกรณ์ กล่าวว่า ตนจำไม่ได้จริงๆ
เมื่อถามย้ำว่า ผู้ที่อยู่ในห้องประชุม ครม.วันนั้น ต้องเข้าไปชี้แจงต่อ ป.ป.ช.หรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า ไม่ โดยปกติทางเลขาธิการ ครม.จะทำหนังสือชี้แจงไป เพราะทาง ป.ป.ช.จะทำหนังสือถามมาเป็นทางการก่อน ส่วนเมื่อตอบไปแล้วทาง ป.ป.ช.จะเรียกผู้ใดไปชี้แจงก็เป็นเรื่องของ ป.ป.ช. ตามกระบวนการและวิธีพิจารณาของเขา แต่โดยหลักการแล้วทางสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จะเป็นผู้ตอบเป็นหลัก เมื่อถามว่า หากวันที่ ครม.มีมติดังกล่าว มีผู้ที่อยู่ในห้องประชุมทักท้วง จะถือว่าผู้นั้นไม่มีความผิดใช่หรือไม่ นายปกรณ์ กล่าวว่า อันนี้ตนไม่ทราบ แล้วแต่ข้อเท็จจริง ต้องดูเป็นรายบุคคล




