ศบค. เห็นชอบยกเลิก พรก.ฉุกเฉินฯ

Date:

ศบค. เห็นชอบยกเลิก พรก.ฉุกเฉินฯ มอบ สธ.เสนอแผนปฏิบัติการควบคุมโรคโคววิด

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า วันนี้ (23 ก.ย.65) เวลา 10.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 12/2565 สรุปสาระสำคัญดังนี้

รองนายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดการประชุมว่า นับตั้งแต่ประเทศไทยพบการระบาดของเชื้อโควิด-19 มาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 จนถึงวันนี้เป็นระยะเวลาสองปีครึ่ง ศบค. สามารถบริหารจัดการสถานการณ์จนได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ซึ่งการประชุมในวันนี้จะได้พิจารณาแผนปฏิบัติการ และประมวลผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของศูนย์ปฏิบัติการด้านต่าง ๆ ที่ดำเนินการมาจนถึงวันนี้ และการพิจารณาความเหมาะสมของการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน

สำหรับมติ ศบค. ที่สำคัญมีดังนี้

1.เห็นชอบยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 และการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 19) ลงวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 รวมทั้งบรรดาข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่ง ที่นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีใช้อำนาจแห่งการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งหมด โดยให้มีผลในวันที่ 30 กันยายน 2565 เป็นต้นไป เนื่องจากเหตุของการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวได้คลี่คลายลงอย่างมาก โดยหน่วยงานของรัฐทั้งฝ่ายสาธารณสุข ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคงสามารถนำมาตรการตามกฎหมายเข้าแก้ไขปัญหาได้ตามปกติแล้ว

2.รับทราบแผนปฏิบัติการควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รองรับการเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งเป็นกรอบการดำเนินงานให้แก่จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในห้วงหลังจากการประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยแผนมีรายละเอียดประกอบด้วย สถานการณ์ วิสัยทัศน์ เป้าประสงค์ ประเด็นยุทธศาสตร์ จำนวน 4 ประเด็น และกลยุทธ์ รวมถึงกิจกรรมในการดำเนินงาน โดยมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเสนอแผนฯ ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติตามขั้นตอนต่อไป

3.รับทราบประมวลผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานด้านการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของศูนย์ปฏิบัติการด้านต่าง ๆ ภายใต้ ศบค. จำนวน 9 ศูนย์ปฏิบัติการ ประกอบด้วย ผลการดำเนินการในห้วงที่ผ่านมารวมถึงปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ ที่ศูนย์ปฏิบัติการต่าง ๆ ได้รวบรวมเพื่อเป็นข้อมูลในการนำไปปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินการในอนาคต

โดยรองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำ ขอบคุณศูนย์ปฏิบัติการต่าง ๆ ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคนต่างปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งตลอดมา และการตัดสินใจแก้ปัญหาเป็นเรื่องยาก ที่ต้องพิจารณาโดยรักษาความสมดุลระหว่างผลกระทบด้านสาธารณสุขกับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ ซึ่ง ศบค.ได้ดำเนินการอย่างประสบผลด้วยดีตลอดมา

4.รับทราบแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว และการสร้างความเชื่อมั่นในระยะต่อไปโดยมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วางแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว โดยประสานความร่วมมือกับส่วนราชการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวโดยด่วน โดยเฉพาะในช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ ทั้งนี้ หลังสถานการณ์โควิด-19 และการปรับตัวสู่ชีวิตวิถีใหม่ (New normal) อาจถือเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยจะได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ในตอนท้าย รองนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณทุกศูนย์ปฏิบัติการ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ทำให้ประเทศไทยสามารถผ่านพ้นสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มาได้ ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายแล้ว ยังขอเน้นย้ำเป็นภารกิจของทุกหน่วยงานที่ต้องส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักในการปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันทางสาธารณสุขต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ทั้งนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงด้านเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยให้ยั่งยืนต่อไป การประชุมในวันนี้ถือว่าภาพรวมของ ศบค. ได้ดำเนินการร่วมกันมาเป็นระยะเวลา 2 ปีครึ่ง ซึ่งได้เห็นผลลัพธ์ในการดำเนินงานทั้งในรูปของปฏิบัติการควบคุมโรค ความก้าวหน้าเรื่องวัคซีน รวมถึงผลลัพธ์ของหน่วยงานทุกหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง ขอเน้นย้ำให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนรองรับการปฏิบัติการของกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะระดับจังหวัดและพื้นที่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนแผนให้เกิดความสำเร็จและเห็นผลเป็นรูปธรรม ให้เห็นถึงการทำงานเชิงรุก ทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ เข้าใจในการทุ่มเททำงานอย่างหนักของรัฐบาล นอกจากนั้น ขอให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการสื่อสารกับประชาชนในภารกิจที่รัฐบาลดำเนินการ ทั้งในเรื่องการเตรียมความพร้อมการให้การบริการทางสาธารณสุข การกระตุ้นให้มีการฉีดวัคซีน รวมถึงแนวทางการปฏิบัติของประชาชนในขณะที่โรคโควิดถูกกำหนดให้เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง โดยขอให้ทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือด้วย

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

orbix INVEST เปิดตัว 2 โซลูชันการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล

orbix INVEST เปิดตัว 2 โซลูชันการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล Tailor-Made Strategy และ orbix BE Smart Capture มุ่งตอบโจทย์ทุกเป้าหมายการลงทุน

PDPC สั่ง OPPO ชี้แจงกรณี Dark Web อ้างขายข้อมูล

PDPC สั่ง OPPO ชี้แจงกรณี Dark Web อ้างขายข้อมูล ภายใน 72 ชม.

Whoscall ชวนขจัดภัยมิจฉาชีพรับตรุษจีน

Whoscall ชวนขจัดภัยมิจฉาชีพรับตรุษจีนส่งโปรพิเศษลูกค้าใหม่! ทดลองฟรี 30 วันเมื่อสมัคร Whoscall พรีเมียมแบบรายปี

บมจ.แอดเทค ฮับ ขออนุมัติแผนเพิ่มทุน 8 ล้านหุ้น

บมจ.แอดเทค ฮับ เตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 6 ก.พ.นี้ ขออนุมัติแผนเพิ่มทุน 8 ล้านหุ้น รองรับการแลกหุ้นกับ G&K ฮ่องกง