Carro ทุ่ม 5 ล้าน เปิดตัว สาขาชลบุรี (บางแสน) ขึ้นเป็น Hub รองรับ EEC

Date:

คาร์โร (Carro) ผู้นำด้านการซื้อ-ขายรถยนต์มือสองบนแพลตฟอร์มออนไลน์ “ยูนิคอร์น” รายแรกของตลาดยานยนต์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งในประเทศไทย ขยายความแข็งแกร่งสู่ภาคตะวันออก เปิดตัว คาร์โร ออโต้มอลล์ (Carro Automall) สาขาชลบุรี (บางแสน) ซึ่งนับเป็นแฟลกชิปแห่งแรกในต่างจังหวัด เพื่อให้พร้อมมอบประสบการณ์การซื้อ-ขาย (Customer Experience) รูปแบบใหม่ให้กับลูกค้าที่สะดวกสบายและไร้รอยต่อจากออฟไลน์สู่ออนไลน์ (O2O) ให้ลูกค้ากลุ่มใหญ่ในภาคตะวันออกและโซนเศรษฐกิจใหม่ (EEC) พร้อมร่วมกับ จีนี่ ฟินเทค บริษัทในเครือคาร์โร สร้างประสบการณ์ซื้อ-ขายแบบครบวงจร (End-to-End)

อรรณพ เกษตระทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาร์โร (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “จากการเดินหน้ากลยุทธ์ขยายธุรกิจในประเทศไทย ทั้งการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงการเปิดสาขาต่าง ๆ เพื่อรองรับการบริการแบบครบวงจรในประเทศไทย ให้สามารถส่งมอบบริการซื้อ-ขายรถยนต์มือสองให้กับลูกค้าให้ครอบคลุมลูกค้าในทุกพื้นที่ โดยเราประสบความสำเร็จในการขยายสาขาในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ด้วยยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีแรก ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2565 เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน ในปี 2564 ซึ่งมีรายได้จากฝั่งค้าปลีก (Retail) มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า”

“คาร์โร ออโตมอลล์ สาขาชลบุรี (บางแสน) แห่งนี้นับเป็นแฟลกชิปแห่งแรกในพื้นที่ต่างจังหวัดของประเทศไทย และที่แรกในภาคตะวันออก ซึ่งเราคาดว่าจะกลายเป็นศูนย์กลาง (Hub) รองรับลูกค้าในภาคตะวันออกทั้งในจังหวัดชลบุรีและจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ ระยอง จันทบุรี ตราด ชลบุรี ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา และลูกค้าจากโซนเศรษฐกิจใหม่ (EEC) ที่กำลังจะเติบโตขึ้นในอนาคต ด้วยศักยภาพของลูกค้าที่มีอัตราความต้องการรถยนต์มือสองที่ค่อนข้างสูงเป็นอันดับสอง รองจากกรุงเทพมหานคร ประกอบกับความได้เปรียบของพื้นที่ ด้วยเม็ดเงินลงทุนค่อนข้างสูง ตลอดจนมีทั้งพื้นที่อยู่อาศัยและนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีแรงงานย้ายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้คนต้องการรถยนต์มาใช้งานมากขึ้นตามไปด้วย จึงเป็นโอกาสในการผลักดันยอดขาย” อรรณพ กล่าวเสริม

ด้วยงบลงทุนกว่า 5 ล้านบาท คาร์โร ออโตมอลล์ สาขาชลบุรี (บางแสน) มีจุดเด่นหลากหลายด้านโดยออกแบบให้สามารถมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้า (Customer Experience) ที่ให้ลูกค้ารู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งที่ได้ออกรถกับบริษัทฯ โดยเฉพาะในจุดรับรถที่เน้นความโมเดิร์นสวยงาม แต่เรียบหรู เข้าใจและเข้าถึงได้ง่าย แต่ยังไม่ทิ้งดีไซน์ที่สะท้อนตัวตนของคาร์โร ซึ่งจะสอดคล้องกับ คาร์โร ออโตมอลล์ สาขาดอนเมือง ซึ่งเป็นออโตมอลล์แห่งแรกในประเทศไทยที่เปิดตัวก่อนหน้า อย่างการใช้สีโทนขาว – ส้ม ให้ดูสดใสและเส้นสายที่เน้นเส้นตรงและเหลี่ยมมุมเพื่อแสดงถึงความแข็งแรงของรถที่กำลังขับเคลื่อนไปอย่างมีจุดมุ่งหมายภายในยังมีโซนดีเทลลิง (Detailing) โซนที่จอดรถรองรับลูกค้าและโซนบริการทั่วไป (General service ) ที่รองรับบริการได้กว่า 20 คันต่อวัน

วรรษิตรี รุ่งเรืองเนาวรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท คาร์โร (ประเทศไทย) จำกัด อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการเจาะตลาดลูกค้าในภาคตะวันออกว่า “จากอินไซต์ของผู้บริโภคในพื้นที่ ที่แม้ส่วนใหญ่ชื่นชอบอีโคคาร์ (Eco cars) และรถกระบะ แต่ก็ยังมีความต้องการประเภทรถอื่น ๆ ด้วย เนื่องจากมีชุมชนและนิคมอุตสาหกรรมทั้งชลบุรีและปราจีนบุรี ทำให้เราต้องคัดสรรรถยนต์มือสองมาจัดแสดง (Display) ในสาขาใหม่นี้ ให้หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการทุกกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด โดยครอบคลุมรถอีโคคาร์ รถกระบะทั้งตอนเดียว ตอนครึ่ง และสองตอน รวมถึงรถอเนกประสงค์ เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาสามารถได้ชมรถทุกประเภท และได้รับรู้ถึงคุณภาพที่ยอดเยี่ยมของรถของเรา ที่ผ่านการตรวจสภาพ 160 จุด การรับประกันคาร์โรไม่กรอไมล์ และการรับประกันรถยนต์มือสองไม่ประสบอุบัติเหตุหนัก ไฟไหม้ หรือน้ำท่วม รวมถึงยังการันตีคืนเงินภายใน 5 วัน และรับประกันเครื่องยนต์และเกียร์ 1 ปี โดยลูกค้ายังสามารถเข้า th.carro.co เพื่อดูรถยนต์ที่สนใจเพิ่มเติมอีกกว่า 500 คัน ซึ่งเราตรวจเช็กคุณภาพรถทุก 7 วัน เพื่อให้มั่นใจว่ารถทุกคันพร้อมให้ทุกท่านเป็นเจ้าของตลอดเวลา โดยทุกท่านสามารถซื้อรถได้ที่บ้าน เพราะคาร์โรเราพร้อมส่งรถให้ถึงประตูหน้าบ้าน”

“ในส่วนการวางแผนการตลาด เราใช้จุดเด่นด้านการเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ (Online Platform) เข้ามาช่วงชิงความได้เปรียบด้วยการเน้นกลยุทธ์ด้านการตลาดแบบดิจิทัลทั้งหมด ทั้งการทำเนื้อหาที่น่าสนใจและเข้าถึงกลุ่มลูกค้า (Personalize) ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียที่เจาะจงตามความสนใจของแต่ละกลุ่ม รวมถึงการทำกิจกรรมการตลาดออนไลน์ อาทิ การไลฟ์ผ่านโซเชียลมีเดีย รวมถึงกิจกรรมทางการตลาดออนไลน์ต่าง ๆ ที่จะมีให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ช่วงแรกคาดว่าสาขาใหม่นี้จะสร้างยอดขายได้ 20-30 คันต่อเดือน และจะสามารถ Up-scale ได้ถึง 50 คันต่อเดือน โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565” วรรษิตรี กล่าวสรุป

นอกจากนี้ คาร์โร ยังมีพันธมิตรด้านการเงินและประกันภัยที่สำคัญอย่างกลุ่มบริษัทจีนี่ ซึ่งประกอบไปด้วย บริษัท จีนี่ ฟินเทค จำกัด และ บริษัท จีนี่ อินชัวรันส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เข้ามาอำนวยความสะดวกในการให้บริการด้านการเงินและประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับการซื้อรถยนต์ ตั้งแต่การให้บริการสินเชื่อจนถึงการนำเสนอประกันภัยในรูปแบบที่ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อ เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการเป็นเจ้าของรถยนต์มือสองที่มีคุณภาพจากคาร์โรโดยไม่ต้องมีภาระทางการเงินมากเกินไป

พรลัดดา เดชรัตน์วิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มบริษัทจีนี่ กล่าวว่า “จีนี่มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อรถยนต์ให้เลือกที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกความต้องการ อย่างเช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง สินเชื่อจำนำเล่มทะเบียนรถยนต์ สินเชื่อรีไฟแนนซ์รถยนต์ รวมไปถึง สินเชื่อธุรกิจเพื่อผู้จำหน่ายรถยนต์ โดยการให้บริการที่เข้าถึงลูกค้าที่สะดวก ไม่ยุ่งยาก รวดเร็ว และ ง่าย เพื่อประสบการณ์ที่ดีคำนึงถึงลูกค้าเป็นสำคัญ” อรรณพ ปิดท้ายเกี่ยวกับแผนดำเนินงานในอนาคตอีกว่า คาร์โรมุ่งมั่นพัฒนาประสบการณ์การซื้อ-ขายรถยนต์มือสองให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในเฟสถัดไป บริษัทฯ มีแผนการขยายสาขาไปในต่างจังหวัดหัวเมืองต่าง ๆ ในอีกหลากหลายพื้นที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งภาคอีสาน ที่จังหวัดอุดรธานี ภาคใต้ ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ และภาคตะวันตก ซึ่งอยู่ในระหว่างสำรวจพื้นที่ที่จังหวัดราชบุรี

ซื้อ-ขายรถยนต์มือสองอย่างสะดวกสบายและมั่นใจได้ 100% ที่คาร์โร เลือกชมรถยนต์มือสองคุณภาพดีที่มีให้เลือกหลากหลายได้ที่ th.carro.co หรือ โทร. 02-460-9380 หรือผ่านช่องทาง Facebook: Carro Thailand

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

ออมสิน ให้ลูกค้าชำระหนี้ดีรายละ 1,000 บาท

ออมสิน มอบของขวัญปีใหม่ 2568 ให้ลูกค้าที่มีประวัติชำระหนี้ดีรายละ 1,000 บาท

ส่งออกไทย ปี 2568 ชะลอ

ส่งออกไทย ในปี 2568 มีแนวโน้มชะลอตัวลง และอาจกดดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้า

ทักษิณ คุณเป็นใคร???

“เทพไท เสนพงศ์” ถาม ทักษิณ คุณเป็นใคร???

กมธ.พิจารณาแก้กม.ยกเว้น ภาษีมูลค่าเพิ่ม จากรายได้ 1.8 ล้าน เป็น 5 ล้าน

อนุกมธ.วุฒิสภาเปิดรับฟังความเห็นผู้ประกอบการหนุนแก้กฎหมายยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) สำหรับผู้ประกอบการที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านเพิ่มเป็น 5 ล้าน