
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง กล่าวว่า คลังจะเสนอการปรับปรุงโครงสร้างภาษีรถยนต์ Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) ให้คณะคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบภายในเดือน เม.ย. 2568 นี้
ทั้งนี้ ปัจจุบันภาษีสรรพสามิตรถยนต์ PHEV อยู่ในพิกัดเดียวกับรถยนต์ไฮบริด หรือ รถยนต์ HEV โดยอัตราภาษีที่เก็บคิดจากปริมาณการปล่อย CO2 ซึ่งไม่เหมาะนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการเก็บภาษี PHEV อีกต่อไป
ดังนั้น เกณฑ์สำคัญ 3 ข้อ ที่เสนอให้ ครม.เห็นชอบได้แก่
1.แยกอัตราภาษีรถยนต์ PHEV ออกมาจากรถยนต์ HEV
2.อัตราภาษีที่เก็บอิงระยะทางการวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Range) ต่อการประจุไฟฟ้า 1 ครั้ง โดยใช้ตัวเลขระยะทาง 80 กิโลเมตร เป็นเกณฑ์ โดยภาษีจะมี 2 อัตรา กรณีวิ่งได้มากกว่า 80 กิโลเมตร ก็จะเสียภาษีอัตราต่ำ แต่หากวิ่งได้น้อยกว่า 80 กิโลเมตร ก็ต้องเสียภาษีอัตราที่สูงกว่า
3.ตัดเงื่อนไขความจุถังน้ำมัน ที่ของไทยกำหนดขนาดเล็กกว่ามาตรฐานสากล ทำให้ผู้ผลิตมีต้นทุนที่ไม่จำเป็น และยังลดศักยภาพของรถยนต์ ทำให้ PHEV ไม่ได้รับความนิยม
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมสรรพสามิตสรุปการปรับโครงสร้างภาษีแบตเตอรี่ จากปัจจุบันเก็บอัตราเดียวที่ 8% ทุกประเภท เป็นเก็บตามขั้นบันได สนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ EV ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เบื้องต้นแบตเตอรี่ที่ใช้ครั้งเดียว ใช้แล้วทิ้ง จะต้องเสียภาษีในระดับที่สูงกว่าแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จได้นาย ชาร์จต่อครั้งบรรจุพลังงานได้มาก รวมถึงน้ำหนักน้อย ซึ่งคาดว่าจะเสนอ ครม. พิจารณาได้ไม่เกินไตรมาส 2 ปี 2568 นี้
รมช.คลัง กล่าวว่า อุตสาหกรรมรถยนต์มีปัญหาขยายตัวได้ลดลงต่อเนื่อง จากปัญหาที่สถาบันการเงินไม่ยอมปล่อยสินเชื่อให้ผู้ที่ต้องการซื้อรถยนต์ ดังนั้น คลังได้สั่งการให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้ามาช่วยค้ำประกันสินเชื่อรถยนต์กระบะที่ใช้เชิงพาณิชย์ ให้ประชาชนที่ต้องการรถกระบะเพื่อไปประกอบอาชีพ กู้เงินเพื่อซื้อรถได้ ทำให้สถาบันการเงินปล่อยกู้ไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้เสีย เพราะ บสย. จะรับผิดชอบหนี้เสียที่เกิดขึ้นไม่กระทบกับสถาบันการเงิน และผู้ซื้อรถยังมีรถเพื่อใช้ประกอบอาชีพต่อไปได้ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการค้ำประกันโครงการนี้ได้ก่อนสงกรานต์เดือน เม.ย. 2568 นี้