ค่าไฟฟ้าของไทยสูง ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตอย่างไร

Date:

Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย ประเมินว่า ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในปี 2566 คาดว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นจากปี 2565ตามต้นทุนก๊าซธรรมชาติของไทย โดยแบ่งเป็น 3 กรณี ได้แก่ 1) ค่าไฟปรับตามต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงโดยภาครัฐไม่เรียกเก็บเงินเพิ่ม ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 4.90 บาท/หน่วยไฟฟ้า 2) ภาครัฐเรียกเก็บเงินเพิ่มอีก 0.33 บาท/หน่วยไฟฟ้าเป็นเวลา 2 ปี ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 5.23 บาท/หน่วยไฟฟ้า และ 3) ภาครัฐเรียกเก็บเงินเพิ่มอีก 0.67 บาท/หน่วยไฟฟ้าเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มเป็น 5.57 บาท/หน่วยไฟฟ้า

Krungthai COMPASS ประเมินว่า อัตรากำไรสุทธิของอุตสาหกรรมการผลิตในภาพรวมคาดลดลงราว 0.03% สำหรับทุก 1% ของค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้ไฟฟ้าอย่างเข้มข้น เช่น อุตสาหกรรมผลิตเคมีภัณฑ์ ซึ่งประเมินว่าอัตรากำไรของผู้ประกอบการกลุ่มนี้มีแนวโน้มจะลดลง ราว 0.04%-0.14% หากค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 1%

ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิตจึงควรปรับตัว เพื่อลดผลกระทบจากค่าไฟฟ้า ดังนี้ 1) ควรติดตั้ง Capacitor Bank ในระบบจ่ายไฟฟ้าของหม้อแปลง ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าถึง 46% 2) ควรติดตั้ง Solar Cell ที่มีกำลังการผลิตเท่ากับปริมาณใช้ไฟฟ้าทั้งหมด และติดแบตเตอรี่ Lithium (ESS) เพราะ ESS ช่วยกักเก็บไฟฟ้าส่วนเกินในช่วงเวลาที่มีความเข้มแสงเพียงพอ เพื่อใช้ในช่วงเวลาอื่น จึงทำให้ได้รับผลประโยชน์จากการติดตั้ง Solar Cell มากที่สุด

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

เอไอเอ ประเทศไทย คว้ารางวัล Asia Responsible Enterprise Awards

เอไอเอ ประเทศไทย คว้ารางวัล Asia Responsible Enterprise Awards 2025 จาก Enterprise Asia ติดต่อกันเป็นปีที่ 4

เอไอเอ ประกาศรางวัล “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี”

เอไอเอ ประกาศรางวัลโรงเรียนที่ชนะเลิศในโครงการแข่งขัน “สุดยอดโรงเรียนสุขภาพดี - AIA Healthiest Schools” ปีที่ 3

กลุ่มบริษัทเอไอเอ ครองอันดับ 1 บริษัทที่มีสมาชิกสโมสรล้านเหรียญ

กลุ่มบริษัทเอไอเอ ครองอันดับ 1 บริษัทที่มีสมาชิกสโมสรล้านเหรียญโต๊ะกลม (MDRT) มากที่สุดในโลก 11 ปีติดต่อกัน

เอไอเอ ประเทศไทย นำทีมพลังตัวแทนร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิต

เอไอเอ ประเทศไทย นำทีมพลังตัวแทนร่วมกิจกรรมบริจาคโลหิต เนื่องในวันประกันชีวิตแห่งชาติ ครั้งที่ 24