นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายด้าน Soft Power ว่า ยังคงเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลที่ผลักดันต่อ ที่ผ่านมาตนเองได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาผลักดัน Soft Power 11 ด้านด้วยกัน ได้แก่ เฟสติวัล ท่องเที่ยว อาหาร ศิลปะ ออกแบบ กีฬา ดนตรี หนังสือ ภาพยนตร์แฟชั่น และเกม ในปีนี้จะเดินหน้าการตั้งหน่วยงานที่มาสนับสนุนกิจกรรมที่เป็น Soft Power คือหน่วยงาน Thailand Creative Content Agency หรือที่รู้จักกันในนาม THACCA และเราจะเดินหน้านโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power ซึ่งจะต้องครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ ที่ต้องมีการคัดเลือกคนที่จะมาทำการ Up-skill และ Re-skill ฝึกทักษะที่เกี่ยวข้อง โดยต้องทำงานบูรณาการกันหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
นายกฯ กล่าวว่า ในระยะกลางน้ำ จะใช้กลไกต่าง ๆ ทำให้คนที่มีทักษะของแต่ละครอบครัว สามารถประกอบอาชีพได้ พัฒนาฝีมือให้โดดเด่นยิ่งขึ้น รวมถึงแก้ไขกฎหมายที่ทำให้สามารถส่งเสริมทั้ง 11 อุตสาหกรรมได้ดียิ่งขึ้น และในขั้นปลายน้ำ จะช่วยส่งเสริมการหาตลาดรองรับในการขายสินค้า ผลิตภัณฑ์ ทั้งในและต่างประเทศ ช่วยประชาสัมพันธ์ รวมถึงจัดงานจัดแสดงต่าง ๆ ผลักดันคนที่มีความสามารถให้โตไปไกลในระดับโลกให้ได้ อีกด้านหนึ่งที่โดดเด่น คือด้านเทศกาล รัฐบาลตั้งเป้าว่าประเทศไทยต้องเป็นผู้นำในด้าน Festival ของภูมิภาคให้ได้ ต้องมีการจัดแสดง จัดงานต่าง ๆ ที่คณะกรรมการซอฟต์เพาเวอร์จะผลักดันให้เกิดขึ้น เป็นทั้งการสร้างรายได้ และประชาสัมพันธ์ประเทศและการท่องเที่ยวไปพร้อม ๆ กัน ร่วมกันผลักดันมวยไทยไปทั่วโลก ส่งเสริมการส่งออก การตั้งค่ายมวยเพื่อฝึกซ้อม เพื่อออกกำลังกายในต่างประเทศ รวมไปถึงพัฒนากีฬาอื่นอย่างเป็นระบบ จุดเด่นที่เกิดขึ้นจากการพัฒนา Soft Power จะกลายเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดคนทั่วโลกให้อยากเข้ามาเที่ยว มาทำงาน และมาใช้ชีวิตในประเทศไทย ทำให้เรากลายเป็นปลายทางของคนทั่วโลก ทั้งคนวัยทำงาน ที่จะมาพร้อมกับความรู้ ความสามารถ เป็นคนที่จะช่วยกันสร้างเศรษฐกิจ และคนวัยสูงอายุที่จะเข้ามาจับจ่ายใช้สอยซื้อของจากร้านค้าในชุมชนของพวกเราได้ ยังมีอีกหลายนโยบายด้าน Soft Power ที่ทางคณะกรรมการจะเป็นผู้ประสานงานหลัก ขอให้ทางสำนักงบประมาณทำงานร่วมกับคณะกรรมการเพื่อขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม
“จากนโยบายด้านเศรษฐกิจทั้งหมด ครอบคลุมทั้งการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน การต่างประเทศ Soft Power โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ อีกส่วนหนึ่งที่ผมอยากผลักดัน คือการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้สำเร็จ ผมมั่นใจว่าคนไทยมีฝีมือ มีทักษะ และพร้อมจะเรียนรู้ เป้าหมายอย่างชัดเจน ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ปริญญาตรี 25,000 บาท ภายในปี 2570 โดยปีนี้จะต้องทำค่าแรงขั้นต่ำให้มากกว่า 400 บาทให้ได้ ด้วยทิศทางนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้ มั่นใจว่าเราจะทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน” นายกฯ ย้ำ