นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายด้านการท่องเที่ยวว่า เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญ และรัฐบาลมีเป้าหมายรายได้จากการท่องเที่ยว 3 ล้านล้านบาท มุ่งให้ไทยเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เรื่องที่ดำเนินการไปแล้ว คือ วีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวจีน/คาซัคสถาน/อินเดีย/ไต้หวัน และขยายเวลาสำหรับชาวรัสเซีย ซึ่งก็ทำให้เราก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยกว่า 24 ล้านคน แต่นั่นไม่ใช่ตัวชี้วัดเดียวที่เราต้องการเห็น เราต้องทำให้นักท่องเที่ยวอยู่นานขึ้น และใช้จ่ายต่อหัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง กลุ่มลูกค้าสูงอายุ กลุ่มพำนักระยะยาว กลุ่ม Digital Nomad และต้องทำให้พวกเขาสามารถอยู่ได้อย่างถูกกฏหมาย การเดินทางเข้า-ออก จากประเทศ ต้องสะดวก มีการจัดทำ Fast Track Visa ให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย มีการเดินทางที่สะดวก
ในช่วงที่ผ่านมา ได้ผลักดันให้ท่าอากาศยานต่าง ๆ เปิดให้นานขึ้น เช่น เปิดสนามบินเชียงใหม่ 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา อีกเรื่องหนึ่งที่กำลังทดลองอยู่ คือการขยายเวลาปิดสถานบริการ ซึ่งปัจจุบันได้นำร่อง 5 พื้นที่ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี และอำเภอ เกาะสมุย ซึ่งจะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายมากขึ้น กระตุ้นเศรษฐกิจ ลงไปในชุมชนมากขึ้น ซึ่งยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและอาจต้องปรับแก้กฎหมายเพื่อขยายผลต่อในอีกหลายพื้นที่ ในปีนี้และปีถัด ๆ ไป ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงต้องสนับสนุนการท่องเที่ยวอยู่ และขอให้ขยายผลไปยังเมืองรองมากขึ้นด้วย นำจุดเด่นของแต่ละพื้นที่มาใช้ดึงดูดนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น Hardware เช่น สถานที่ วัฒนธรรม อาหาร หรือเป็น Software ที่ตนใช้เรียกการจัดกิจกรรม Festival หรือ Event ต่าง ๆ ที่ประกอบกันเป็น Soft Power ของแต่ละพื้นที่ ต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจมากขึ้น ให้มีการใช้สถานที่จัดประชุม เป็นเจ้าภาพแสดงสินค้า งานเทศกาลระดับโลก ในประเทศไทยให้ได้
“การดึงดูดการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ ๆ นี้ จะต้องคิดนอกกรอบ ต้องมีการออกไปโปรโมท ไปเชิญชวน จัดกิจกรรม Road Show ทำข้อมูลให้เข้าถึงง่าย และประสานงานกับหน่วยงานที่คอยกำกับดูแลความเรียบร้อย ความปลอดภัย ช่วยเหลือให้การเดินทาง จัดงานต่าง ๆ เป็นเรื่องที่ง่าย One-stop service ขอให้ความสำคัญกับกิจกรรมต่าง ๆ การทำงานที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น High Season ตลอดทั้งปี” นายกฯ ย้ำ