นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดี กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า กรมธุรกิจพลังงานรับทราบปัญหาการลักลอบเติมก๊าซปิโตรเลียมเหลวลงถังก๊าซหุงต้ม ในปั๊มก๊าซ LPG โดยได้ดำเนินการตรวจสอบ และกำกับดูแลอย่างต่อเนื่องในประเด็นปัญหาดังกล่าว ซึ่งมีข้อกฎหมายที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า “ไม่ให้มีการบรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลวลงในถังก๊าซปิโตรเลียมเหลวหุงต้มภายในสถานีบริการ” ซึ่งตาม พ.ร.บ.ควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 มาตรา 66 กำหนดไว้ว่า ผู้ใดประกอบกิจการควบคุมประเภทที่ 3 โดยไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 7 ระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานได้ยกระดับมาตรการในการกำกับดูแลทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่น การประสานความร่วมมือกับศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง (ศปนม.) ในการตรวจตราที่มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น และการเปรียบเทียบปรับอัตราเต็มขั้นต่อผู้ประกอบกิจการที่กระทำผิด ทั้งนี้ยังได้กำชับ และเน้นย้ำให้ตระหนักถึงความปลอดภัยต่อประชาชนเป็นหลัก เนื่องจากการกระทำดังกล่าวนอกจากจะมีความผิดตามกฎหมายแล้ว ยังก่อให้เกิดความ
ไม่ปลอดภัยทั้งในระหว่างการเติมและการใช้ถังก๊าซหุงต้มของประชาชน ซึ่งกรมธุรกิจพลังงานได้ประสานความร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงพลังงานจังหวัด ทั่วประเทศ ในการประชาสัมพันธ์ แจ้งเบาะแส หากพบการกระทำความผิดลักลอบเติมก๊าซ LPG ลงถังก๊าซหุงต้มในสถานีบริการ มีสินบนนำจับแก่ผู้แจ้งเบาะแส ไม่น้อยกว่า 3,750 บาทต่อกรณี
โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมธุรกิจพลังงาน กองความปลอดภัยธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว กลุ่มสถานีบริการ โทร. 02 794 4814 (ในวันเวลาราชการ)
นอกจากนี้ กรมธุรกิจพลังงานอยู่ระหว่างทบทวนแนวทางดำเนินการกับผู้กระทำผิดตามกฎหมายเพื่อเพิ่มโทษ กับสถานีบริการและผู้ปฏิบัติงาน กรณีพบการกระทำผิดซ้ำ ตามมาตรา 54 และอาจถูกเพิกถอนใบอนุญาต ตามมาตรา 55 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 เพื่อยกระดับมาตรการในการกำกับดูแลไม่ให้เกิดการกระทำผิด และกรมธุรกิจพลังงานจะดำเนินการสุ่มตรวจร่วมกับสำนักงานพลังงานจังหวัดเป็นระยะต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ก๊าซหุงต้มอย่างปลอดภัย