ถอดรหัส “รีโว่เมด” “มากกว่ารับจ้างผลิต เพราะเป็นคู่คิดธุรกิจของลูกค้า” พร้อมผลักดันแบรนด์ไทยสู่ตลาดโลก
รีโว่เมด (ประเทศไทย) หรือ REVOMED แสดงศักยภาพเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จของโรงงานผลิตครีม อาหารเสริม เครื่องสำอาง OEM ที่โตเร็วที่สุดของประเทศ ทำรายได้ก้าวกระโดดกว่า 800 ล้านใน 7 ปี ด้วยแนวคิดของผู้ผลิตตัวจริงที่ทำมากกว่าการรับจ้าง แต่เป็นการมุ่งสร้างความแข็งแรงให้แก่ทุกองค์ประกอบในธุรกิจ ทั้งกำลังคน กำลังการผลิต และสินค้าที่ผสมผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ล้ำสมัย พร้อมเตรียมมุ่งสู่ IPO ควบรายได้แตะหลัก 3,000 ล้านในปี 2568
นางสาววาสนา อินทะแสง กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีโว่เมด (ประเทศไทย) จำกัด หรือ REVOMED กล่าวถึงการก่อตั้งหนึ่งในโรงงานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่เติบโตเร็วที่สุดของประเทศ ภายหลังจากที่จดทะเบียนบริษัทในปี 2558 เส้นทางของรีโว่เมดก็เริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจังในอีก 1 ปีถัดมา จากการเป็นผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยอาศัยคอนเนคชั่นและประสบการณ์ที่มากกว่า 10 ปีในอุตสาหกรรมยาของตัวกรรมการผู้จัดการเอง มาสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า จนทำให้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปีแรก
“ในปีแรก รีโว่เมดถือว่าประสบความสำเร็จและมี growth rate ที่ดี แต่เราก็ต้องเจอกับข้อจำกัดของธุรกิจนำเข้า นั่นคือช่องว่างเรื่องของ timeline ที่ลูกค้าต้องการสินค้าเร็ว แต่การนำเข้ามาต้องรอถึง 3 เดือน หรือบางเจ้ามีปัญหาในเรื่องของเงินทุน ซึ่งมันทำให้เราต้องหันกลับมาคิดถึงแนวทางใหม่ ว่ารีโว่เมดต้องจัดการกับข้อจำกัดนี้ เพราะเรามองว่าลูกค้าคือหัวใจหลักของบริษัท เราจึงลงทุนเซ็ตอัพโรงงานผลิตของตัวเอง พร้อมให้บริการรับผลิตสินค้าสุขภาพและความงาม ไม่ว่าจะเป็น แคปซูล ชง ดื่ม พาวเดอร์ เจลลี่ ซอฟเจล ที่ครบตามความต้องการของลูกค้า”
การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มมาจากข้อจำกัดของลูกค้า ทำให้โรงงานแห่งแรกในพื้นที่ 8 ไร่ ของรีโว่เมดเกิดขึ้น ตามมาด้วยการขยายสู่โรงงานที่สองในเวลาไม่ถึงครึ่งปี พร้อมทำให้บริษัทเติบโตก้าวกระโดด สร้าง growth rate แตะ 100% เกือบทุกปี และมียอดขายกว่า 800 ล้านบาทในปี 2564 ที่ผ่านมา ทว่า นางสาววาสนา มองว่าถ้ารีโว่เมดต้องการเป็นผู้ผลิตตัวจริงตามแนวคิดของบริษัท “มากกว่ารับจ้างผลิต เพราะเราคือคู่คิดของธุรกิจคุณ” ทุกองค์ประกอบต้องขยายตัว ทั้งในเรื่องของคน กำลังผลิต รวมถึงสินค้าที่ต้องมีทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์แก่เจ้าของแบรนด์และผู้บริโภค
“รีโว่เมดมีองค์ประกอบหลายอย่างที่แตกต่างในฐานะผู้รับผลิต ในเรื่องของการผลิต เรามีพื้นที่เตรียมขยายโรงงานอีกประมาณ 30 ไร่เพื่อรองรับกำลังผลิตในอนาคต ด้านมาตรฐานการผลิต รีโว่เมดก็ได้คะแนนสูงที่สุดในระดับเดียวกับอุตสาหกรรมยา หรือด้านคนทำงานที่ใครก็มาเทียบเราได้ยากมาก พนักงานที่นี่กว่า 200 ชีวิตรู้ว่า passion ในการทำสินค้าของรีโว่เมดคืออะไร เรามีคอร์สหลักสูตร Anti-aging 1 ปี ให้พนักงานเรียน เพื่อให้ได้ศาสตร์ความรู้ทางวิชาการมาผสมผสานกับความเป็นรีโว่เมด พร้อมยกระดับความเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถส่งมอบนวัตกรรมที่ถูกต้องให้ลูกค้าได้”
นางสาววาสนา ยังได้กล่าวถึงองค์ประกอบด้าน raw material หรือวัตถุดิบ ที่รีโว่เมดให้ความสำคัญอย่างมาก และตัวกรรมการผู้จัดการยังมั่นใจว่ารีโว่เมดคือ อันดับ 1 ในการนำเข้าวัตถุดิบ trademark original ที่เยอะที่สุดในประเทศไทย ตัวอย่างเช่น Pycnogenol สารสกัดจากเปลือกสนมาริไทม์ฝรั่งเศส ที่มีมากว่า 40 ปี รองรับคุณประโยชน์ด้วย 400 งานวิจัย หรือ TetraSOD ที่เป็น novel food และเป็นสารที่มีค่าต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุดในโลก และยังเป็น SOD (superoxide dismutase) “ตัวแรก” ที่จดทะเบียนกับ อย. อย่างถูกต้องในประเทศไทย และยังมี HMO (human milk oligosaccharides) อีกหนึ่ง novel food หรืออาหารนวัตกรรมใหม่ ที่ผ่านการประเมินจาก อย. โดยใช้กระบวนการเดียวกับการจดทะเบียนยา
ปัจจุบันตลาด OEM Global มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 8 แสนล้านดอลล่าร์ ขณะที่ตัวเลขของตลาด Health & Beauty ในประเทศไทย มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2 แสนล้านดอลล่าร์ และเติบโตเฉลี่ยประมาณ 5-8% ทุกปี ซึ่งที่มาของมูลค่าที่ใกล้เคียงกับ global ประกอบกับการเติบโตที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง นางสาววาสนา ให้ทัศนะว่ามาจากจุดแข็งในตัวสินค้าไทยในแง่ของการ “Combination” หรือความหลากหลายของผลลัพธ์ใน 1 สูตร เช่น สินค้าอาหารเสริมเรื่องฝ้าของไทย ใน 1 ผลิตภัณฑ์จะให้ผลทั้งการขวางกระบวนการเกิด ลดกระบวนการขนส่ง ยับยั้งการสร้างเม็ดสี ฯลฯ ต่างจากผลิตภัณฑ์ต่างประเทศที่จะเป็น single dose ให้ผลลัพธ์เดียว
ทางด้าน นางสาวอรนุช เสริฐศิริ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจต่างประเทศ บริษัท รีโว่เมด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า รีโว่เมด นอกจากการรับผลิตสินค้าแล้ว ยังให้บริการด้านอื่นอย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาสูตร พัฒนาสินค้า การหาความแตกต่าง หาจุดขาย-เอกลักษณ์ของสินค้า จนถึงจัดการด้านการตลาด แนวทางด้านวิชาการ รวมถึงจัดการด้านรางวัลประกวดของสินค้า หรือการอำนวยความสำดวกในด้านการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการ แนะนำด้านพิธีการส่งออกหรือ Connect กับ Distributor ในต่างประเทศ ซึ่งความครบวงจรเหล่านี้ได้ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ ทั้งบริษัทขนาดใหญ่และ SME รวมถึงยังได้รับการติดต่อผลิตสินค้าจากลูกค้าต่างประเทศ เป็นสัดส่วน 15% ของรายได้ทั้งในกลุ่ม CLMV จีน และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
“การที่เรามีประสบการณ์ธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ มันทำให้เราเห็นจุดแข็งของทั้งสองตลาด อย่างสารต่างประเทศที่มีความโดดเด่น มีงานวิจัยรองรับ นั่นเท่ากับเราสามารถนำสิ่งนั้นมา combination ผสมผสานกับความเป็นไทยได้ รีโว่เมดจึงมีสินค้าที่เป็น identity ของเราเองมากกว่า 5,000 สูตร ซึ่งมันทำให้เรามีศักยภาพรองรับกับความต้องการของ end-user ได้อย่างแท้จริง เพราะในความคิดของรีโว่เมด เราอยากทำสินค้าที่ช่วยให้ผู้ใช้มีชีวิตที่ดีจนนาทีสุดท้าย และมีสุขภาพที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องไปอยู่ในจุดที่ต้องทำการรักษา”
นอกจากสินค้าที่เป็น identity ของตัวเองแล้ว กรรมการผู้จัดการยังกล่าวถึงก้าวสำคัญของรีโว่เมด ในการจับมือกับ “คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ครั้งแรกผ่านการร่วมมือทางวิชาการในการวิจัยและพัฒนา ‘นวัตกรรมสารสกัด’ ไปจนถึงการอบรมให้ความรู้และทักษะการเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง แก่ผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในงาน “Cosmoprof CBE ASEAN 2022” ในวันที่ 15-17 กันยายน 2565 นี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี นี้ด้วย
นางสาววาสนา กล่าวอีกว่า “ตลอด 7 ปีที่ก่อตั้งรีโว่เมดมา เรามีการเติบโตที่ก้าวกระโดดทั้งตัวธุรกิจและมูลค่าของบริษัท ซึ่งก้าวต่อไปของบริษัทคือความท้าทายที่พนักงานทุกคนมุ่งหวังกับการเข้าสู่ IPO หรือตลาดหลักทรัพย์ ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยที่รีโว่เมดได้เตรียมพร้อมทั้งการลงทุนในระบบ smart warehouse และเครื่องจักร HPLC ที่มีเทคโนโลยี metal detector, x-ray ประสิทธิสูงสุดในปัจจุบัน อีกทั้งในอนาคตเรายังคาดหวังยอดขายประมาณ 1,500 ล้านบาท แต่เมื่อเราขยายโรงงานเครื่องสำอางเพิ่ม ยอดขายของรีโว่เมดน่าจะขยับแตะตัวเลข 3,000 ล้านบาท ได้ภายใน 3 ปี และจะประสบความสำเร็จกับการเข้า IPO ไปพร้อมกัน
“ถ้าวันหนึ่งเรา Challenge ไปถึงจุดที่อยู่ใน IPO ได้สำเร็จ ในฐานะเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง ที่พาคนรีโว่เมด 200 กว่าชีวิตไปถึงจุดนั้นได้ มันก็คงเป็นสิ่งที่เราพอใจที่สุดแล้ว” นางสาววาสนา กล่าวทิ้งท้าย