พาณิชย์ แจงไทยโดนภาษีทรัมป์หนัก 2 รอบ 46%

Date:

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา ได้เผยข้อมูลภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อเรียกเก็บภาษีศุลกากรแบบต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) กับสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้า เพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ โดยอัตราภาษีดังกล่าวคำนวณโดยนำตัวเลขการขาดดุลและมูลค่าการนำเข้าทางการค้าของสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้ามาคำนวณ ซึ่งในส่วนของไทยคำนวณออกมาแล้วมีอัตราภาษี 36%

นายวุฒิไกรให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในช่วงแรก สหรัฐฯ จะเริ่มเก็บภาษีเพิ่มตั้งแต่เวลา 00:01 น.   ของวันที่ 5 เมษายน 2568 (เวลาสหรัฐฯ) ในอัตรา 10% กับสินค้านำเข้าทั้งหมดจากทุกประเทศ ส่วนสินค้าที่ขนลงเรือหรือยานพาหนะแล้วและอยู่ระหว่างเดินทางมายังสหรัฐฯ ก่อนเวลาดังกล่าว จะยังไม่ถูกเก็บภาษีดังกล่าว ก่อนเวลา 00.01 ของวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ทั้งนี้ ภาษี 10% จะเป็นการเก็บเพิ่มจากอัตราภาษีที่เรียกเก็บอยู่แล้ว (MFN apply rate) รวมทั้งอากร ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่แต่ละประเทศถูกจัดเก็บอยู่เดิม 

หลังจากนั้น ในช่วงที่สอง ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 9 เมษายน 2568 สหรัฐฯ ก็จะเริ่มเก็บภาษีศุลกากรต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) ตามอัตราเฉพาะที่กำหนดสำหรับแต่ละประเทศ ซึ่งประเทศไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% โดยจะเก็บเพิ่มจากอัตราภาษีที่เรียกเก็บอยู่แล้ว (MFN apply rate) รวมทั้งอากร ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ประเทศนั้นถูกจัดเก็บอยู่เดิม อย่างไรก็ดี สำหรับสินค้าที่ขนลงเรือหรือยานพาหนะแล้วและอยู่ระหว่างเดินทางมายังสหรัฐฯ ก่อนเวลาดังกล่าว ก็จะยังได้รับยกเว้นไม่ถูกเก็บภาษี 36% ดังกล่าว 

นายวุฒิไกรเสริมว่า อัตราภาษีต่างตอบแทนข้างต้นจะไม่ใช้กับสินค้าที่สหรัฐฯ ได้เคยประกาศใช้มาตรการไปก่อนหน้านี้ คือ วันที่ 12 มีนาคม 2568 สินค้าเหล็กและอลูมิเนียม ถูกจัดเก็บอัตราภาษีเฉพาะที่ 25%  และวันที่ 3 เมษายน 2568 สินค้ารถยนต์และชิ้นส่วน ถูกจัดเก็บอัตราภาษีเฉพาะที่ 25%  นอกจากนี้ ภาษีต่างตอบแทนดังกล่าวยังจะไม่ใช้กับสินค้าประเภททองแดง ยาและเวชภัณฑ์ เซมิคอนดักเตอร์ ไม้แปรรูป แร่ธาตุสำคัญบางประเภท พลังงานและผลิตภัณฑ์พลังงาน เนื่องจากสหรัฐฯ อาจจะมีการประกาศใช้ภาษีเฉพาะกับสินค้าดังกล่าวในภายหลัง ซึ่งคาดว่าจะเก็บเพิ่มในอัตรา 25% ซึ่งยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

อย่างไรก็ดี แม้ว่าคำสั่งบริหารนี้จะกำหนดอัตราภาษีศุลกากรแบบต่างตอบแทนเป็นรายประเทศ แต่ก็เปิดโอกาสสำหรับการเจรจากับประเทศคู่ค้าเพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการค้าให้มีความเท่าเทียมและเป็นธรรมมากขึ้น โดยสหรัฐฯ มุ่งหวังที่จะลดการขาดดุลการค้าและเสริมสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศผ่าน การเจรจาและการปรับปรุงข้อตกลงทางการค้า ซึ่งในส่วนนี้รัฐบาลโดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาข้อเสนอของคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐฯ เพื่อนำไปสู่การเจรจาปรับลด/ยกเว้นอัตราภาษีต่างตอบแทนดังกล่าวที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บจากประเทศไทย

นอกจากนี้ รัฐบาลยังอยู่ระหว่างเตรียมมาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ เป็นหลัก รวมทั้งเร่งพิจารณาส่งเสริมการขยายตลาดใหม่ทดแทนโดยมุ่งตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ตลาดฮาลาล และตลาดเกิดใหม่ พร้อมเร่งเดินหน้าการเจรจา FTA ที่อยู่ระหว่างการเจรจาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และพิจารณา FTA ในตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพควบคู่กันไป ทั้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา และแอฟริกา 

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

เจรจาภาษีทรัมป์: แบบฉลาด vs แบบโง่

“ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” ชำแหละรัฐบาลไทย เจรจาภาษีทรัมป์: แบบฉลาด vs แบบโง่

“เสนาฯ ส่งต่อ ‘คู่มือป้องกันภัยพิบัติ’ จากญี่ปุ่น

"เสนาฯ ส่งต่อ 'คู่มือป้องกันภัยพิบัติ' จากญี่ปุ่น เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน"

GPSC เดินหน้าการผลิตเพื่อลดคาร์บอนฯ มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero

GPSC เดินหน้าแผนศึกษาพัฒนาเทคโนโลยี SMR ตอบโจทย์ภาคการผลิตเพื่อลดคาร์บอนฯ มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero

เรืองไกร ร้อง ป.ป.ช. สอบนายกฯ หนีภาษี

เรืองไกร ร้อง ป.ป.ช. สอบนายกฯ ทำตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อหนีภาษี อันเป็นการทุจริต ฝ่าฝืนจริยธรรม หรือไม่