
กรุงไทย ประเมินว่า มูลค่าส่งออกเดือน เม.ย. เติบโต 10.2%YoY ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนที่ 17.8%YoY โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวต่อเนื่อง สวนทางกับสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรที่หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ขณะที่การส่งออกไปตลาดหลักต่างขยายตัว ด้านการนำเข้าเร่งตัวสูงจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ 16.1%YoY ทำให้ดุลการค้ากลับมาขาดดุลที่ -3,321.3 ล้านดอลลาร์ฯ
แม้การส่งออกจะขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 68 เติบโต 14.0%YoY แต่การส่งออกไทยช่วง 2H68 ที่ระยะพักการขึ้น Reciprocal Tariff ของสหรัฐฯ หมดลง ผลกระทบต่อไทยจะชัดขึ้น ทั้งผลทางตรงจากอัตราภาษี ซึ่งยังมีความเสี่ยงที่จะสูงกว่า Universal Tariff 10% ผลจากส่วนต่างภาษี หากไทยถูกเก็บในอัตราสูงกว่าประเทศส่งออกอื่น และผลทางอ้อมจากการค้าโลกที่แย่ลง เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่อ่อนแรง รวมถึงการทะลักเข้ามาของสินค้าจีน