
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ไทยเจรจาการค้ากับสหรัฐยังไม่จบ เสี่ยงโดนภาษีนำเข้าสูงกว่าเวียดนาม แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อ?
แม้จะยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนในการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐก่อนเส้นตาย 9 ก.ค.นี้ แต่สัญญาณที่ชัดคือ หากไทยยังไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังของสหรัฐได้ทัน อาจต้องเผชิญกับการเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงขึ้น แม้ไม่ถึง 36% ที่เคยถูกหยิบยกมา แต่ก็อาจสูงกว่าเวียดนามที่โดนไปแล้ว 20% ซึ่งส่งผลต่อความสามารถแข่งขันของไทยโดยตรง
ประเด็นสำคัญคือ แม้ไทยจะมีศักยภาพในการเปิดตลาดและลดภาษีนำเข้าเพื่อแลกเปลี่ยนกับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีส่งออก แต่ในหลายอุตสาหกรรมหลักของประเทศยังมีโครงสร้างที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ทั้งในแง่เศรษฐกิจ สังคม และแรงงาน ทำให้การเปิดตลาดหรือเจรจาลดภาษีต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน และอาจไม่สามารถเดินหน้าได้รวดเร็วเท่าประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ
หากไทยถูกเก็บภาษีสูงกว่าเวียดนาม การตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่ย้ายฐานการผลิตจากจีน อาจเปลี่ยนไป เวียดนามซึ่งมีความคล่องตัวด้านนโยบายการค้าระหว่างประเทศ อาจได้เปรียบในการดึงดูดการลงทุนมากขึ้น
นอกจากนี้ สหรัฐยังเร่งคุมเข้มการส่งออกสินค้าจากจีนที่อาจใช้ประเทศที่สามเป็นทางผ่าน (transhipping) โดยใช้มาตรการภาษีสูงถึง 40% ไทยจึงต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า ระบบการผลิตและการส่งออกของเรามีความโปร่งใส และไม่ถูกใช้เป็นช่องทางเบี่ยงเบนมาตรการ
ผลกระทบเริ่มชัดจากภาคส่งออกที่เริ่มชะลอ แม้การจ้างงานจะยังไม่ลด แต่การทำงานล่วงเวลาหรือโอทีเริ่มน้อยลง ซึ่งกระทบกำลังซื้อในประเทศตามมา การบริโภคและการลงทุนมีแนวโน้มชะลอตัว
ปีหน้าเรายังไม่เห็นทางออกชัดเจน การแก้ปัญหาในระดับโครงสร้างต้องมาก่อนการใช้มาตรการระยะสั้นแบบเดิม การปรับตัวเพื่อแข่งขันในสงครามการค้ารอบใหม่ต้องใช้ยุทธศาสตร์ระยะยาว ไม่ใช่แค่ “แจกเงินแล้วจบ” หรือประคองสถานการณ์ในระยะสั้นเพียงอย่างเดียว
รอลุ้นทรัมป์อีกทีวันที่ 9 กรกฎาคม
