“ฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์” เร่งเดินหน้าปิดดีล FTA ไทยอียู

Date:

นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ  สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD  และ ผู้แทนการค้าไทย ได้จัดเวทีหารือรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อการเจรจาความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (FTA ไทยอียู) เพื่อเป็นเวทีระดมความคิดเห็นกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เกษตรกร ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายใหญ่ ภาควิชาการ ภาคการเมือง ตลอดจนถึงภาคประชาสังคม เพื่อร่วมกันกำหนดทิศทางการเจรจาการค้า FTA ไทยอียู ในอนาคตให้มีความเป็นเอกภาพสมดุลย์ยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทย

การเจรจา FTA ไทยอียู ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปมาก มีการเจรจาไปแล้ว 6 รอบ สามารถสรุปได้แล้ว 7 บทจาก 24 บท หรือประมาณ 1ใน 3 หากการเจรจาสำเร็จจะเป็นการเปิดการค้าการลงทุนครั้งสำคัญให้กับเศรษฐกิจไทย เพราะจะทำให้ธุรกิจและเกษตรกรไทยมีแต้มต่อ ในการขายสินค้าและบริการไปตลาดอียู ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีกำลังซื้อสูงสามารถสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้กับคนไทย

นอกจากนี้ยังช่วยดึงดูดให้ธุรกิจจากอียูเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคตไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานหมุนเวียน ยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น

ขณะเดียวกันข้อตกลง FTA ไทยอียู ยังเป็นประเด็นสำคัญทำให้ไทยปรับตัวเข้าสู่มาตรฐานโลกในการค้ายุคใหม่ เช่น มาตรฐานสิ่งแวดล้อมและแรงงาน ซึ่งจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย ทำให้เราขายสินค้าได้มากขึ้น ในยุคที่การค้าการลงทุนโลกต้องการให้ธุรกิจไทยมีมาตรฐานที่สูงขึ้น และสามารถแข่งขันได้มากยิ่งขึ้น

นายฉันทวิชญ์ กล่าวว่า FTA ไทยอียู ฉบับนี้มีมีความสำคัญและมีมาตรฐานสูงครอบคลุมประเด็นใหม่ใหม่ๆ ที่ไทยไม่เคยเจรจามาก่อน เช่น ประเด็นทรัพย์สินทางปัญญา มาตรฐานแรงงาน การจัดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ การค้าดิจิทัล รวมทั้งประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและและความยั่งยืน จึงมีการจัดเวทีสัมมนาประเด็นดังกล่าวที่สำคัญ เพื่อให้ทุกท่านจากทุกภาคส่วนได้มีโอกาสแสดงข้อมูลและความคิดเห็นอย่างเต็มที่โดยมีการแบ่งเป็น 3 กลุ่มย่อย ที่สำคัญ ประกอบด้วย

กลุ่มย่อยแรก เป็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ได้มีการหารือแนวทางการใช้ประโยชน์จากความตกลงนี้ในเชิงรุก ในประเด็นที่ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดอียู ตลอดจนรับฟังข้อกังวลและข้อสังเกตจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อจัดทำท่าทีของไทยต่อไป 

กลุ่มย่อยสอง เรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ที่ประชุมตระหนักถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมยาและเกษตรกรรายย่อยของไทยจึง ซึ่งจำเป็นต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขและอาหาร ซึ่งมีการพูดคุยกันในเชิงสร้างสรรค์และเชิงรุกถึงทางเลือกที่เหมาะสมกับบริบทของไทย โดยภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จะมีการหารือต่อไปอย่างใกล้ชิด

กลุ่มย่อยที่สาม เรื่องพลังงานและวัตถุดิบ ซึ่งเรื่องนี้เป้าหมายความยั่งยืนเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่เป็นจุดรวมของไทยกับอียู ในการผลักดันเศรษฐกิจสีเขียว โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาดในอนาคต อย่างไรก็ตามไทยก็ต้องคำนึงถึงความมั่นคงทางพลังงาน ราคาพลังงาน และการใช้ทรัพยากรทางด้านวัตถุดิบและพลังงานของไทย โดยรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย ควบคู่ไปกับการพัฒนากิจการพลังงานที่มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม โปร่งใสและตรวจสอบได้

นายฉันทวิชญ์ กล่าวว่า จากข้อมูลที่ได้กระทรวงพาณิชย์โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับ ITD และผู้แทนการค้าไทย จะนำข้อมูลความคิดเห็นตลอดจนข้อห่วงใยที่ได้รับ ไปใช้เพื่อกำหนดแนวทางท่าทีของการเจรจาในอนาคตในรอบที่ 7 ที่จะเกิดขึ้นในเดือนกันยายนนี้ 

“กระทรวงพาณิชย์มีความมุ่งมั่นที่จะเจรจาให้ได้ข้อสรุปเร็วที่สุด โดยเป็นความเร็วที่มาพร้อมกับคุณภาพเราอยากเห็นเอฟทีเอที่ฟังเสียงของประชาชนทุกกลุ่มและสามารถตรวจสอบได้เพื่อให้มั่นใจว่าการบรรลุข้อตกลงนี้จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจเกษตรกรและประชาชนไทยอย่างแท้จริง” นายฉันทวิชญ์ กล่าว

นายฉันทวิชญ์ กล่าวว่า การเจรจาเอฟทีเอไทยอียูถือว่าไม่มีความล่าช้าอยู่ในกระบวนการตามกำหนดเวลาซึ่งตอนนี้มาถึงบทหัวข้อที่มีความซับซ้อนและยุ่งยากมากที่สุดจึงต้องมีการสัมมนาระดมความคิดเห็นก่อนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดคาดว่าการเจรจาจะบรรลุข้อตกลงทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้และเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) และนำเข้าสู่สภาฯ พิจารณาเห็นชอบรับรองเพื่อให้มีผลในทางปฏิบัติต่อไป

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

DEXON ตรวจสอบกังหันลม เดินหน้าเป้าหมาย Net Zero ของไทย

DEXON ตรวจสอบกังหันลม โครงการ Wind Farm เดินหน้าเป้าหมาย Net Zero ของไทย

กยศ. คำนวณหนี้ใหม่ เรียบร้อยแล้ว 556,000 บัญชี

กยศ. คำนวณยอดหนี้ใหม่ เรียบร้อยแล้ว 556,000 บัญชี โดยจะแสดงยอดหนี้ทางแอปพลิเคชัน กยศ. Connect ตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป

Solis อินเวอร์เตอร์ ซีรีส์ S6-GC(80-125)K C&I ได้รับการรับรอง ISO

Solis อินเวอร์เตอร์ ซีรีส์ S6-GC(80-125)K C&I ได้รับการรับรอง ISO 14067:2018 Product Carbon Footprint จาก TÜV Süd

เอไอเอ ประเทศไทย คว้ารางวัล Asia Responsible Enterprise Awards

เอไอเอ ประเทศไทย คว้ารางวัล Asia Responsible Enterprise Awards 2025 จาก Enterprise Asia ติดต่อกันเป็นปีที่ 4