“ศุภจี” เจรจา FTA ไทย–เปรู คืบหน้า ข่าวดีก่อนสิ้นปี 2568

Date:

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้รายงานความคืบหน้าของการเจรจายกระดับ (upgrade) ความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement: FTA) ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐเปรู โดยทั้งสองฝ่ายได้บรรลุการสรุปผลการเจรจาอย่างมีนัยสำคัญแล้วในประเด็นหลักของความตกลงเหลือเพียงประเด็นทางเทคนิคเล็กน้อยที่อยู่ระหว่างการเร่งหารือเพื่อให้ได้ข้อยุติ ซึ่งจะนำไปสู่การสรุปการเจรจาการยกระดับ (upgrade) FTA ไทย–เปรู ที่ดำเนินการมาอย่างยาวนาน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของทั้งสองประเทศในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าให้ก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งนับเป็นข่าวดีของภาคธุรกิจและประชาชนของทั้งสองประเทศก่อนสิ้นปี 2568

นางศุภจี กล่าวว่า การเจรจา FTA ไทย–เปรู เคยชะงักไปยาวนานกว่า 10 ปี ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะกลับมาเร่งรัดการหารือกันอีกครั้งตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา และสามารถเดินหน้าการเจรจาได้อย่างมีพลวัต โดยเฉพาะจากการที่ตนได้หารือทวิภาคีร่วมกับท่านเอกอัครราชทูตเปรูประจำประเทศไทยเมื่อปลายเดือนตุลาคม และยังได้หารือกับท่านรัฐมนตรีด้านการค้าต่างประเทศของเปรูที่เมืองคยองจู เกาหลีใต้ ในช่วงการประชุมเอเปคเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน เพื่อผลักดันนโยบายสรุปผล FTA ให้ได้ในปี 2568 ซึ่งในที่สุดสองฝ่ายสามารถบรรลุการสรุปผลการเจรจาอย่างมีนัยสำคัญได้ตามเป้าหมาย โดยในสาระสำคัญ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องในองค์ประกอบหลักของความตกลง โดยครอบคลุมการเปิดตลาดเพิ่มเติมและความร่วมมือทางการค้าที่สำคัญ อาทิ การเปิดตลาดสินค้าและบริการ รวมถึงกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นรากฐานของการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน เพื่อให้ความตกลงมีความทันสมัย สอดคล้องกับบริบทเศรษฐกิจโลก และเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาว

นางศุภจี ระบุเพิ่มเติมว่า เปรูเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอเมริกาใต้ มีจุดเด่นด้านทรัพยากรธรรมชาติ ภาคเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร การทำเหมืองแร่ และเป็นประตูเชื่อมโยงสู่ตลาดในภูมิภาคอเมริกาใต้และชายฝั่งแปซิฟิก การสรุปผลการยกระดับ FTA กับเปรูจะช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาด เพิ่มความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทาน และสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับอเมริกาใต้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคและภาคธุรกิจของทั้งสองประเทศก็จะได้รับประโยชน์จากสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เอื้อต่อการแข่งขันและการเติบโต

สำหรับขั้นตอนต่อไป ภายหลังจากการสรุปผลอย่างมีนัยสำคัญแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะเดินหน้าหารือในประเด็นทางเทคนิคที่คงค้าง และดำเนินการตรวจทานถ้อยคำทางกฎหมายเพื่อให้ความตกลงมีความชัดเจน ถูกต้อง และสอดคล้องกันในทุกภาษา โดยจะดำเนินการตามกระบวนการภายในของแต่ละประเทศต่อไป

การค้าไทย-เปรู ในช่วงมกราคม-ตุลาคม ปี 2568 เปรูเป็นคู่ค้าอันดับที่ 60 ของไทย (เปรูเป็นคู่ค้าอันดับ 5 ของไทยในทวีปอเมริกาใต้ รองจากบราซิล อาร์เจนตินา ชิลี และโคลอมเบีย ส่วนไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของเปรูในอาเซียน) มีมูลค่าการค้ารวม 464.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยได้ดุลการค้าคิดเป็นมูลค่า 239.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยส่งออกไปเปรูเป็นมูลค่า 352 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  สินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และเครื่องซักผ้าและเครื่องซักแห้งและส่วนประกอบ ขณะที่ไทยนำเข้าจากเปรูเป็นมูลค่า 112.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็งแปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ และผัก ผลไม้ และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ อาทิ บลูเบอร์รี และอโวคาโด

Share post:

spot_img
spot_img

Related articles

นายกฯ อนุทิน ถึงบุรีรัมย์ ควงเนวิน บวงสรวงรัชกาลที่ 1

นายกฯ อนุทิน ถึงบุรีรัมย์ ควงเนวิน บวงสรวงรัชกาลที่ 1 ปิดทองฐานฉัตรแก้ว ต้นที่ 37 ตรงเลขปาร์ตี้ลิสต์ ภท. เสริมสิริมงคล ส่งท้ายปี

ศูนย์ราชการ เดินหน้าสู่เมืองคาร์บอนต่ำ

ศูนย์ราชการ ใช้พลังงานสะอาด — ไฮโดรเจนขับเคลื่อนศูนย์ราชการ สู่เมืองคาร์บอนต่ำของอนาคต

นายกฯ อนุทิน บินติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา

นายกฯ อนุทิน บิน 3 จังหวัดอีสานใต้ ปฏิบัติภารกิจติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา

แบงก์ชาติ สั่งตรวจเข็ม ธุรกรรมเงินตราต่างประเทศเข้าประเทศ

แบงก์ชาติ ยกระดับความเข้มงวดในการตรวจสอบธุรกรรมเงินตราต่างประเทศขาเข้า