ที่ผ่านมา เราได้ยินปฏิบัติการตลกร้าย การจับเด็กเที่ยวผับครึ่งผันอายุไม่ถึงเกณฑ์ โดยใช้ชื่อปฏิบัติการ รังสิตมันร้าย ซึ่งคล้ายกับบรรยากาศศึกดอกเบี้ยระหว่างรัฐบาลกับแบงก์ชาติ ที่บอกได้ว่า แบงก์ชาติมันร้าย ที่ทำให้ นายกฯ เซลล์แมนอกแตก อยู่ทุกวันนี้
ที่เป็นเช่นนั้น เพราะนายกฯ เซลล์แมน และคณะ ยมทีมรุมยำผู้ว่าแบงก์ชาติให้ลดดอกเบี้ยนโยบาย เป็นการใหญ่ ถึงขนาดเรียกร้องให้มีการประชุมด่วนลดดอกเบี้ยเลยทีเดียว
โดยทีมนายกฯ เซลล์แมน อ้างตัวเลขเศรษฐกิจของสภาพัฒน์ฯ ไตรมาส 4 ปี 2566 โต 1.7% และทั้งปี โต 1.9% เหตุมาจากการเบิกจ่ายของรัฐบาลเซลล์แมนไม่ทำงาน
แต่ทีมเซลล์แมนมองข้ามปมดังกล่าว จ้องแต่สับผู้ว่าแบงก์ชาติให้ลดดอกเบี้ย ทั้งที่บอกไม่ได้ว่า ลดดอกเบี้ยแล้วทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นจริงหรือ
จากการประเมินของของนักวิชาการมองว่า การลดดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจอาจได้ไม่คุ้มเสีย (ลดดอกเบี้ย ทำได้แค่พยุงเศรษฐกิจ เสี่ยงเกิดสงครามค่าเงินบาท)
หรือก่อนหน้านี้ สำนักวิจัยหลายแห่งก็ประเมินว่า แบงก์ชาติน่าลดดอกเบี้ยกลางปี (ฟันธง กนง. ยังไม่ลดดอกเบี้ยในระยะอันใกล้)
และบางแห่งมองไกลไปกว่านั้น (กนง. จะคงดอกเบี้ยนโยบาย 2.5% ตลอดปี)
จากข้อมูลจึงไม่แปลกที่ แบงก์ชาติมันร้ายไม่ยอมลดดอกเบี้ยตามใจนายกฯ เซลล์แมน เพราะมันยังไม่ถึงเวลา ยังไม่ใช่ต้นตอของเศรษฐกิจที่แย่ลง และจำเป็นต้องเก็บกระสุนที่เหลือน้อยใช้ในยามที่จะเกิดวิกฤตอย่างแท้จริง
ข้อมูลทางวิชาการชัดเจน จากทั้งแบงก์ชาติ สำนักวิจัย นักวิชาการ มองตรงกัน ทำให้นายกฯ เซลล์แมน ไม่ควรดื้อโทษคนอื่นอีกต่อไป
ควรเอาเวลาเดินสายมานั่งทำงานที่เป็นต้นตอของเศราฐกิจโตได้น้อย โตได้ช้า คือ การใช้จ่ายการลงทุนภาครัฐ ที่อยู่ในอำาจของนายกฯ เซลล์แมน แบบเต็มๆ จะสั่งซ้ายหันขวาหันได้ทั้งนั้น เพราะนายกฯ เซลล์แมน ใหญ่สุดคุมสั่งได้ทุกหน่วยงาน
หากทำไม่ได้ แสดงว่า นายกฯ เซลล์แมน มีแต่ตำแหน่ง แต่ไม่มีอำนาจสั่งใคร เลยทำให้แก้ต้นตอของเศรษฐกิจที่ผ่านมาและจะเป็นต่อไปไม่ได้