ข่าวพ่อขอพยายามขอประกันตัวลูก จากการถูกจับที่ไปแสดงออกเกินเลยกฎหมายกำหนด แสดงให้เห็นถึง หัวอกพ่อ ที่สุดแสนรันทดสังคม
ศาลท่านให้เหตุผลไม่ให้ประกันตัวว่า ไม่สบายก็ไม่เป็นไร เพราะตอนนี้ย้ายออกไปจากเรือนจำ ไปอยู่โรงพยาบาลในความดูแลของหมอแล้ว แม้ว่าจะไม่ยอมรับการรักษา ก็เป็นเหตุผลฟังไม่ขึ้น
หัวอกพ่อ ที่ลูกจะถูกจะผิดอย่างไร ก็ตัดสายใยรักแห่งสายเลือดไม่ขาด ได้เขียนหนังสือถึงผู้ใหญ่ในศาลให้พิจารณาขอปล่อยตัวอีกยังไม่ย้อท้อ
เรื่องดังกล่าว ในแง่ของคนเป็นพ่อเห็นแล้วเศร้าสะเทือนไปถึงขั้วหัวใจ
ใจหนึ่งอยากให้พ่อได้สมหวัง แต่อีกใจก็เห็นใจศาลที่ยอมไม่ได้ เนื่องจากพฤติกรรมของลูกที่แสดงเสรีภาพเกินขอบกฎหมายกำหนด
เรื่องนี้เชื่อว่า ยังดำเนินกัดกินหัวใจของคนเป็นพ่อต่อไปอีกนาน เมื่อลูกในไส้ยังมีจุดยืนแสดงเสรีภาพเกินเลยกฎหมายเช่นนี้
ทำให้เกิดความเห็นต่างเกิดขึ้นในสังคมครอบครัวไทย ว่า เรื่องนี้ใครทำร้ายใคร
เมื่อมองในมุมของพ่อลูก ก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า ทำไมลูกถึงทำร้ายพ่อได้ขนาดนี้
ขณะที่คนเป็นพ่อ ก็ได้บทเรียนเช่นกัน ว่าทำไมปล่อยให้ลูกแสดงออกเสรีภาพได้เกินขอบสุดขั้วได้เช่นนี้
บทเรียนนี้ ไม่มีข้อสรุปว่า ใครทำร้ายใครมากกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่เห็นแล้วน่าเศร้าในสังคม
ชีวิต ยังต้องดำเนินต่อไป ทุกคนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบตัวเอง รับผิดชอบกับสังคม
ชีวิตของพ่อก็เช่นกัน ให้ลูกเป็นอย่างไรก็ตัดสายใยรักไม่ขาด นอกจากพ่อจะเขียนจดหมายขอความเมตาจากคนอื่นให้ปล่อยตัวลูกแล้ว
สังคมก็ถามถึงพ่อเช่นกัน ได้เขียนจดหมายถึงลูกและถามบ้างไหมว่า “ลูกรักพ่อหรือเปล่า”
ถ้าลูกบอกว่ารัก แต่ยังต้องยืนอยู่ในอุดมการณ์เกินขอบเช่นนี้ ก็ถึงเวลาที่พ่อต้องดูแลหัวใจตัวเอง ที่จะให้ลูกรับผิดรับชอบในสิ่งที่ทำด้วยตัวเอง
เพราะวันนี้ หัวอกพ่อ ทุกห้องหัวใจ ได้ช่วยเหลือลูกรักที่ตัดกันไม่ขาด จนไม่เหลืออะไรแล้ว