ถ้าไม่ใจร้ายใจดำเกินไป ก็ต้องขอบอกว่า นายกฯ อยู่ในสภาพ เซลล์แมนถังแตก ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง
เห็นได้ชัดจากนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 5 แสนล้านบาท ที่คุยว่า ไม่กู้ครับ ไม่กู้ครับ จะเอาเงินมาจากรายได้เก็บภาษี 2 แสนกว่าล้าน เพิ่มประสิทธิภาพเก็บภาษีได้อีกแสนล้าน บริหารจัดการงบซ้ำซ้อนได้อีกแสนล้าน รวมกันแล้วได้ 5 แสนล้านพอดิบพอดี
แต่ที่ไหนได้ เอาเข้าจริงกลืนน้ำลายตัวเอง ออก พ.ร.บ. กู้ทั้ง 5 แสนล้านบาท ก็แสดงให้เห็นได้ชัดว่ากระเป๋าฉีกถังแตกแท้จริง
นอกจากนี้ มาตรการลดแลกแจกถาม ไม่ว่า จะเป็นการลดค่าไฟฟ้า ก็ไปแปะไม่ใช้เงินกู้ให้ กฟผ. เป็นแสนล้าน ก็แสดงให้เห็นว่า รัฐฐาลนายกฯ เซลล์แมนถังแตก
หรือ จะเป็นการลดราคาน้ำมันดีเซล และเบนซิน ก็ไปล้วงเงินภาษีสรรพสามิตลดภาษีสูญรายได้ไปหลายหมื่นล้านบาท รวมกับเงินกองทุนที่ใช้เข้าไปพยุงติดลบแตะแสนล้านเข้าทุกที
ส่งผลให้การ ลดราคาไฟฟ้า และ ราคาน้ำมัน เริ่มยากลำบากเข้าทุกที เพราะรัฐบาลถังแตก หมดกระสุนไม่เหลือให้กระตุ้นอีกแล้ว
นอกจากนี้การทำงบประมาณของรัฐบาลเซลล์แมน ก็ยังต้องกู้ขาดดุลอีกปีละ 6-7 แสนล้านบาท ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดเพราะในเมื่อรัฐบาลไม่มีความสามารถหารายได้เพิ่ม ให้ทันกับรายจ่าย ก็ต้องกู้เงินมาเติมเสริมแรงให้เศรษฐกิจ
แต่ที่น่าผิดหวังคือ งบประมาณ 67 ที่ล่าช้าจนป่านนี้ยังใช้ไม่ได้ ทำให้เงินที่อยู่ในถังเปิดฝาเอาออกมาอัดฉีดเศรษฐกิจ ก็ไม่ต่างอะไรกับถังแตกอยู่ดี
ปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้า แต่นายกฯ เซลล์แมน ยังติดใจเดินสายเทพจรลงเท้า ทำงาน กระตุ้นท่องเที่ยว ทำงานไปชิมไปฉีกยิ้มไป โบกมือหล่อไปมา
เมื่อเป็นเช่นนี้ เศรษฐกิจไทยจะไม่วิกฤตได้อย่างไร เพราะปัญหาถังแตกเรื่องใหญ่ กลับไม่ใส่ใจให้ความสำคัญนั่งแก้ให้จริงจัง เหมือนที่ไปเเดินสายได้ทั่วไทยแบบเอาเป็นเอาตาย ถึงขนาดประชุม คอ รอ มอ ยังต้องรีบประชุมแป๊บเดียว
เพราะนายกฯ เซลล์แมน มีภารกิจเดินสายล่องใต้ กลัวไปโชว์ตัวไม่ทันกำหนดที่วางไว้ยาวเหยียด