คำพูดให้กำลังใจของ น.ช. ว่าการบริหารวิกฤตเศรษฐกิจปัจจุบัน หนักหน้าสาหัสกว่าสมัยต้มยำกุ้ง เป็นเรื่องที่ไม่พูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง แต่หากบอกว่า วิกฤตเซลล์แมน ตอนนี้แย่กว่าผู้กู้วิกฤตสมัยต้มยำกุ้งน่าจะตรงกว่า
ที่ผ่านมา ไม่เคยมีนักวิชาการเศรษฐกิจค่ายไหน บอกว่า เศรษฐกิจไทยตอนนี้วิกฤตกว่าสมัยต้มยำกุ้ง ที่เกิดจากปัญหาสถาบันการเงิน มีปัญหา ลามทำให้คนตกงานจำนวนมาก และสถาบันการเงินและธุรกิจจำนวนไม่น้อยต้องปิดตัว คณะที่เศรษฐกิจไทยติดลบ เงินของประเทศไม่เหลือต้องกู้เงินจากกองทุนไอเอ็มเอฟ
หรือ หากจะเทียบเศรษฐกิจไทย ตอนนี้วิกฤตกว่าสมัยโควิด ก็ยังถือว่าเทียบไม่ได้ เพราะสมัยโควิดเป็นกันทั้งโลก ประเทศไทยต้องปิดประเทศ เศรษฐกิจดิ่งลงเหลว คนตกงานจำนวนมาก ภาตธุรกิจปิดตัวไปไม่น้อย ต้องกู้เงินถึง 1.5 ล้านล้านบาท ในการกู้วิกฤต
เศรษฐกิจไทยปัจจุบันขยายตัวเป็นบวก มีการฟื้นตัวช้า มีรัฐบาลและนายกฯ เซลล์แมน ที่มาจากประชาธิปไตย ประเทศเปิดแล้ว นักท่องเที่ยวเข้ามาเกือบเหมือนเดิม นายกฯ เซลล์แมน เดินสายไปตามประเทศ ดึงดูดนับลงทุน นับประเทศไม่ถ้วน นับคณะที่พบปะพูดคุยมากจนไม่ครบ
แล้วอย่างนี้เศรษฐกิจไทยตอนนี้จะวิกฤตกว่าสมัยต้มยำกุ้งได้อย่างไร ไม่ว่าจะวัดจากตัวเลขไหนๆ ก็ตาม
ดังนั้น น.ช. น่าจะบอกว่า วิกฤตเศรษฐกิจไทยจริงๆ ตอนนี้ อยู่ที่วิกฤตเซลล์แมน ที่ น.ช. ไฟเขียวให้มาเป็นนายกฯ มากกว่า
เพราะหากเศรษฐกิจไทยตอนนี้วิกฤตกว่าสมัยต้มยำกุ้ง ผู้นำประเทศคงยังไม่มีเวลาเดินสายทัวร์ทำงานต่างประเทศ ทำภาพสวยๆ เท่ห์ๆ มาโชว์นับไม่ถ้วน
หรือแม้แต่เดินสายในประเทศ ยังมีเวลาขี่จักรยานออกกำลังกายยิ้มหวาน ผ่านโลกโซเชียลต่อเนื่องแบบรั่วๆ
แล้วอย่างนี้ เศรษฐกิจไทยวิกฤต หรือ ผู้นำวิกฤต มากกว่ากัน