ผ้าขาวม้าไทย ต้องไปให้ไกลถึงปารีสครับ เป็นข้อความที่นายกฯ เซลล์แมน โพสต์แสดงความมั่นใจ หลังจากขนผ้าขาวมาจำนวนไปสวยใส่โชว์ทัวร์ประเทศยุโรปแห่งเมืองแฟชั่น
ภาพนายกฯ เซลล์แมน ใช้ผ้าขาวม้าไทยพันคอที่ยุโรป ได้รับทั้งเสียงชมและต้านไปพร้อมกัน
ฝ่ายเห็นด้วย ก็บอกว่าดี ทำให้ ผ้าขาวม้าไทย ไปถึงปารีสและหลายเมืองหายประเทศ ทำให้ชาวโลกและชาวไทยได้เห็นชื่นชม
ส่วนฝ่ายไม่เห็นด้วย ก็บอกว่า นายกฯ เซลล์แมน ขายภาพลักษณ์ตัวเองมากกว่าผ้าขาวม้าไทย
ก็ว่ากันไป ทั้งฝ่ายเชียรไม่เชียร์ แต่ที่ต้องพิเคราะห์คือ ที่นายกมาโพสต์ประกาศอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “ผ้าขาวม้าไทย ต้องไปให้ไกลถึงปารีสครับ” เป็นแค่ฝันกลางวัน หรือ ฝันที่เป็นจริง
“ผ้าขาวม้าไทย ต้องไปให้ไกลถึงปารีสครับ” ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า เป็นจริงไปแล้ว เพราะนายกฯ เซลล์แมน ใส่โชว์ไม่แต่ละวันไม่ซ้ำกัน
แต่การที่ผ้าขาวม้าไทย จะเป็นเดินดันเป็นแฟชั่นที่เมืองปารีส ยอมรับและนิยมชมชอบกัน น่าจะเป็นฝันที่เกิดขึ้นได้ยากมาก แม้จะมีความเป็นไปได้ แต่ฝันของนายกฯ เซลล์แมนกับไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมที่จะพลักดันเรื่องนี้ให้เป็นจริง
ที่ย้อนแย้งที่สุด เจ้าแม่กรรมการซอฟต์พาวเวอร์ของนายกฯ ที่เดินทางไปดูงานแฟชั่นที่ปารีสด้วย วันที่อยู่เมืองนอกใส่ผ้าย้อม แต่กลับเมืองไทยกลับใส่แบรนด์เนมปารัสทั้งตัว
ภาพที่ออกมาผ้าขาวม้าไทย ได้ไปเดินโชว์ที่ปารีส แต่แฟชั่นที่ปารีสฝันอยู่ในสายเลือดเศรษฐีไทย แม้แต่กรรมการซอฟต์พาวเวอร์ไทย
มีการประเมินกันว่า “ผ้าขาวม้าไทย ต้องไปให้ไกลถึงปารีสครับ” ก็น่าจะเหลวไม่เป็นท่า เหมือนการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตหมื่นบาท ที่บอกว่าทำทันที ผ่านมาครึ่งปีแล้วยังไม่รู้ว่าจะไม่ได้ทำ ได้แต่เตะถ่วงเวลาทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในความชัดเจน
ผ้าขาวมาไทย หากจะดันเป็นซอฟต์พาวเวอร์ได้จริง ไม่น่าจะขึ้นไปขายในห้างดังแค่เดือนครึ่ง และก็ต้องกลับไปขายตามหมู่บ้านหมู่บ้านใครเหมือนเดิม
ขนาดห้างไทย ยังให้โอกาสผ้าขาวม้าขึ้นห้างแค่เดือนครึ่ง และห้างดังปารีส จะให้ผ้าขาวไทยขึ้นห้างกี่วัน
เหมือนกับการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ต้องกู้เงิน 5 แสนล้านบาท หากทำได้จริงก็ต้องทำแล้ว แต่ไม่กล้าทำก็เลยซื้อเวลา ให้เป็นความฝันของคนไทยไปวันๆ
การแจกเงินดิจิทัล ไม่มาตามสัญญา ทำให้ความน่าเชื่อถือของนายกฯ เซลล์แมน หายไปแถบไม่เหลือ และยังขายฝัน “ผ้าขาวม้าไทย ต้องไปให้ไกลถึงปารีสครับ” อีก ทำให้นักลงทุนขวัญผวาว่านโยบายเศรษฐกิจไทย ไร้กระบวนท่าจับต้องอะไรยากไปหมด