ผลการแข่งขันฟุตบอลทีมชาติไทย ล่าสุดเจอเกาหลีใต้ แสดงให้เห็นว่า เงินซื้อชัยชนะ ไม่ได้
นอกจากนี้ การใช้เงินเพื่อหวังผลระยะสั้นเพื่อเด็ดยอดความสำเร็จ เป็นการหวังผลโชว์แบบดาบหน้า เป็นดาบสองคมทำร้ายบอลไทยมากกว่าส่งผลดีกว่าบอลไทย
มาดาม นายกฯ สมาคมบอล ใช้วิธีแบบอัดฉัดนัดต่อนัดแบบนี้มาตลอด เกมล่าสุดอัดฉีด 4 ล้านบาท หากไทยสามารถเอาชนะได้
ขณะที่นายกฯ เซลล์แมน มาผสมโรงด้วยอัดฉีดอีก 9 ล้านบาท โดยให้แต้มละ 3 ล้านบาท
การอัดฉีดมองเผินๆ เป็นเรื่องดีทำให้นักบอลมีกำลังใจที่จะเล่นเพื่อผลที่ต้องการ อย่างเช่นในนัดไปเยือนเกาหลี ไทยสามารถฮึดตีเสมอได้ จนได้เงินอัดฉีดมา 1 ล้านบาท
แต่สำหรับเกมในบ้านการอัดฉีดน่าจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี เพราะหลังจากไทยโดนยิงนำไป 2 ลูก บอลไทยส่วนใหญ่ก็เล่นแบบไม่มีลูกฮึด เพราะมองแล้วตีเสอมก็ยาก การเอาชนะแทบไม่ต้องพูดถึง การได้เงินอัดฉีดหลายล้านบาทในนี้จึงสิ้นหวัง ทำให้เหมือนหมดกำใจเล่นไปด้วย
การพัฒนาฟุตบอลต้องใช้เงินจำนวนมาก ไม่มีใครปฏิเสธ แต่การใช้เงินทุ่มไปกับการอัดฉีดเพื่อผลชนะนัดต่อนัดแบบนี้ เป็นการทำลายอนาคตบอลไทยมากกว่าการพัฒนาบอลไทย
เมื่อมองนัดต่อไปที่เหลือ ก็ต้องดูว่าเงินจะสามารถซื้อชัยชนะได้หรือไม่ และชัยชนะที่ซื้อมาได้ทำให้การพัฒนาบอลไทยยั่งยืนหรือไม่
นอกจากเงินไม่สามารถซื้อชัยชนะที่แท้จริงได้แล้ว รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ถูกมองข้ามไปแบบไทยๆ ที่ทำให้บอลไทยไม่เป็นมืออาชีพ ที่เห็นในเกมที่ผ่านมา คือ การที่มาดาม นายกสมาคมบอล ได้ต้อนนายกฯ เซลล์แมน ที่เข้าไปดูเชียร์เกมถึงในสนามถือเป็นเรื่องดี
แต่การที่พานายกฯ เซลล์แมน เข้าไปพบนักบอลถึงห้องนักเตะ เพื่อพูดให้กำลังใจให้โอวาทก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น เป็นธรรมเนียมที่ไม่ควรเกิด
ก่อนการแข่งขันนักบอล ควรมีสมาธิอยู่กับทีมงานสต๊าฟโค้ช และเกมที่จะเริ่มขึ้น ไม่ใช่เวลาที่มาพบผู้นำทำให้เสียเวลาเสียสมาธิอย่างที่ไม่เกิดขึ้น
ฟุตบอลด้วยบริหารด้วยความเป็นมืออาชีพระดับสากล บอลไทยย่อมมีอนาคตแน่นอน
แต่หากบริหารแบบไทยๆ ที่เห็นๆ กันแบบนี้ บอลไทยเห็นที่จะหนีอาเซียนไปอยู่ระดับอาเซียนอยาก
ส่วนบอลไทยไปบอลโลก ก็ลองประเมินดูแล้วกันว่าบริหารกันแบบนี้ ฝันนี้จะใกล้ความจริงแค่ไหน