นายอรรคเดช อุดมศิริธำรง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ ORN เปิดเผยว่า บริษัทได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นกู้ และนักลงทุนผ่านระบบเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET Link) เพื่อทราบผลกระทบของปัญหาน้ำท่วมจังหวัดเชียงใหม่ต่อโครงการต่าง ๆ ของกลุ่มบริษัท โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ปัญหาน้ำท่วมจังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2567 เกิดจากอิทธิพลของมรสุมและพายุที่พาดผ่านมาก่อนหน้านี้ และภาวะลานินญ่า ซึ่งส่งผลให้มีฝนตกในบริเวณตลอดลำน้ำปิงปริมาณมาก ดินบริเวณดังกล่าวไม่สามารถอุ้มซับน้ำฝนได้ ระดับน้ำบริเวณจุดวัดน้ำ P.1 (สะพานนวรัฐ) สูงถึง 5.30 เมตร ในขณะที่ปี 2554 ระดับน้ำสูงเพียง 4.90 เมตร ซึ่งถือเป็นระดับน้ำสูงสุดในรอบเกือบ 100 ปี มวลน้ำจึงไหลบ่าท่วมเข้าไปยังตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ในหลายพื้นที่เป็นวงกว้าง
2. กลุ่มบริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียม 2 แห่งบนถนนช้างคลาน ซึ่งได้ออกแบบทางวิศวกรรมรองรับน้ำท่วมสูงสุดในระดับเทียบเท่าปี 2554 ไว้แล้ว แต่ในปีนี้ระดับน้ำสูงขึ้นจากแนวป้องกันทางวิศวกรรมที่ออกแบบไว้ ส่งผลให้น้ำท่วมเข้าถึงภายในพื้นที่โครงการคอนโดมิเนียมทั้ง 2 แห่งดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทได้ทำประกันวินาศภัยเพื่อรองรับเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ในวงเงินที่ครอบคลุมความเสียหายที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดไว้อย่างเพียงพอ จึงเชื่อได้ว่ากลุ่มบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบในแง่ลบต่อผลการดำเนินงานและฐานะการเงิน
3. กลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการ Arise Chareonmueang ซึ่งใช้เงินลงทุนจากหุ้นกู้และกระแสเงินสดของกลุ่มบริษัท โครงการอยู่บริเวณถนนเจริญเมืองซึ่งน้ำท่วมเข้าถึงแล้ว แต่ตำแหน่งที่ตั้งอยู่ห่างจากพื้นที่น้ำท่วมออกไปจึงไม่ได้รับผลกระทบ ปัจจุบันงบประมาณลงทุนก่อสร้างโครงการดังกล่าวนี้ยังมีเพียงพอเนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบทางด้านลบใดๆ และกลุ่มบริษัทยังคงเป้าหมายการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดเพื่อรับรู้รายได้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2568 ตามแผนงานเดิม
4. กลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงเรียนนานาชาติ Mill Hill Internation School ตั้งอยู่อำเภอดอยสะเก็ด ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เขตพื้นที่ที่น้ำไม่ท่วม จึงไม่ได้รับผลกระทบทางด้านลบใดๆ ต่อโครงการดังกล่าว
สำหรับทิศทางธุรกิจไตรมาส 3/2567 มีแนวโน้มดี บริษัทเร่งปรับกลุยุทธ์การขาย ร่วมกับตัวแทนขาย เพื่อขยายฐานลูกค้าชาวต่างชาติชาวพม่าเพิ่มเติม เดินหน้ากลยุทธ์การตลาด กระตุ้นการตัดสินใจซื้อกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ สร้างยอดขายนิวไฮ ส่งผลให้ยอดขายในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้น อยู่ที่ประมาณ 1,400 ล้านบาท โดยทยอยรับรู้เข้ามาในช่วงไตรมาส 3/2567 เป็นต้นไป