Krungthai COMPASS ประเมินว่า อุตสาหกรรม ยางพาราไทย ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากปริมาณการส่งออกลดลง อย่างไรก็ดี ท่ามกลางกระแสรักษ์โลกรัฐบาลไทยได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการยกระดับรายได้ของผู้ประกอบการ ยางพาราไทย จึงได้มีนโยบายส่งเสริมการขายคาร์บอนเครดิตในสวนยางพารา
Krungthai COMPASS ประเมินว่าการขายคาร์บอนเครดิตในสวนยางพาราจะสามารถเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้กับผู้ประกอบการได้สูงถึง 6.2% หากได้รับการสนับสนุนด้านค่าใช้จ่ายจากภาครัฐ
โดยภายในปี 2568 คาดว่าจะมีสวนยางพาราที่ขึ้นทะเบียนโครงการ T-VER อย่างน้อย 8.7 หมื่นไร่ ซึ่งมีศักยภาพในการดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้ราว 366,626 tCO2eq/ปี ทั้งนี้ ภายใต้การสนับสนุนของภาครัฐคาดว่าจะมีพื้นที่สวนยางพาราเข้าร่วมโครงการมากขึ้นในอนาคต จึงนับเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการยางพาราที่เป็นผู้พัฒนาโครงการและผู้ที่ต้องการซื้อคาร์บอนเครดิต
นอกจากนี้ Krungthai COMPASS แนะนำผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีความพร้อมควรเร่งพัฒนาโครงการ รวมถึงพิจารณานำคาร์บอนเครดิตที่ได้มาชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร ขณะที่เกษตรกรรายย่อยและผู้ประกอบการ SMEs อาจดำเนินโครงการในลักษณะของการรวมกลุ่มกันในพื้นที่ เพื่อให้ต้นทุนต่อหน่วย
ในการพัฒนาโครงการลดลง โดยภาครัฐควรมีบทบาทสำคัญในการผลักดันโครงการคาร์บอนเครดิตในสวนยางพาราอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนสนับสนุนให้มีการพัฒนาโครงการไปสู่มาตรฐานระดับสากล