ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อส่งเสริมและดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI) โดยให้การสนับสุนนทางการเงินแก่ผู้ประกอบการไทยที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) รวมถึงสนับสนุนผู้ประกอบการยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและการดำเนินธุรกิจสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปรับโมเดลธุรกิจ นำพาประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2567
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า ความร่วมมือครั้งนี้เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่สนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทยหรือต้องการไปลงทุนในต่างประเทศเข้าถึงบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ตามความต้องการ และใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของทั้งสองหน่วยงาน โดยเชื่อมโยงความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สมาคมอุตสาหกรรม และบริการด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจ EXIM BANK พร้อมทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ให้คำปรึกษาแนะนำแก่ผู้ประกอบการในเครือข่ายสมาชิกหรือลูกค้าของแต่ละหน่วยงาน รวมถึงการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) สัมมนาอบรมความรู้ด้านการค้าและการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ กิจกรรมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ ตลอดจนสนับสนุนเครื่องมือบริหารจัดการความเสี่ยงด้านการค้าและการลงทุน
ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ EXIM BANK นำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินในอัตราดอกเบี้ยพิเศษแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI และดำเนินธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยส่วนลดอัตราดอกเบี้ย 0.5% ต่อปีในปีแรก สำหรับสินเชื่อ EXIM Green Goal และสินเชื่อ EXIM Solar D-Carbon Financing สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ภายในกิจการ เช่น การติดตั้ง Solar Rooftop, Solar Farm และ Solar Floating พร้อมได้สิทธิในการขึ้นทะเบียนคาร์บอนและรับรองคาร์บอนเครดิต รวมถึงสินเชื่อ EXIM Extra Transformation สำหรับผู้ส่งออกในกลุ่มอุตสาหกรรม S-curve เพื่อยกระดับภาคการผลิตของไทย การลงทุนเพื่อซื้อหรือปรับปรุงเครื่องจักร อุปกรณ์ ต่อเติม/ปรับปรุง/ก่อสร้างอาคารโรงงาน พัฒนาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เพื่อลดต้นทุนการผลิตและยกระดับกิจการ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีใหม่และการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้มีศักยภาพยิ่งขึ้น
นายนฤตม์ เปิดเผยว่า การลงนามใน MOU ระหว่าง BOI และ EXIM BANK ในวันนี้ ถือเป็นการผนึกกำลังและประสานจุดแข็งของทั้งสององค์กร เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการดึงดูดกลุ่มนักลงทุนเป้าหมายจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทย โดย EXIM BANK เป็นธนาคารที่มีความเชี่ยวชาญด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ รวมถึงมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลาย ทั้งสินเชื่อในรูปแบบต่าง ๆ การประกันความเสี่ยง และบริการสนับสนุนการนำเข้า-ส่งออก ในขณะที่ BOI เป็นหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนที่มีเครือข่ายนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติที่กว้างขวาง มีสำนักงานในต่างประเทศ 17 แห่ง และในภูมิภาค 7 แห่งที่พร้อมดูแลนักลงทุนในพื้นที่ อีกทั้งมีเครื่องมือสิทธิประโยชน์เพื่อส่งเสริมการลงทุนในด้านต่าง ๆ เช่น การยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบ การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล การอนุญาตให้ถือครองที่ดินเพื่อประกอบกิจการที่ได้รับการส่งเสริม การอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน และเงินอุดหนุนผ่านกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ เป็นต้น
นอกจากนี้ BOI ยังมีการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผู้ประกอบการไทย เช่น หลักสูตรอบรม “สร้างนักลงทุนไทยในต่างประเทศ” ซึ่งได้จัดทุกปีรวมกว่า 21 รุ่น มีผู้ผ่านการอบรมแล้วกว่า 740 คน และออกไปลงทุนต่างประเทศแล้วกว่า 300 ราย รวมทั้งมีการจัดงาน Thai Subcontractor Exhibition (Thai Subcon) และ Sourcing Day ร่วมกับบริษัทชั้นนำจากทั่วโลก โดยเฉพาะในกลุ่มยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักร เพื่อส่งเสริมการยกระดับผู้ประกอบการไทยให้เข้าสู่ Supply Chain ระดับโลก
“BOI และ EXIM BANK มีภารกิจร่วมกันในการเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งในแง่การขยายกิจการในประเทศและการออกไปแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในต่างประเทศ รวมถึงการสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทย การผนึกกำลังความร่วมมือของ BOI และ EXIM BANK ในครั้งนี้จะช่วยประสานจุดแข็งของทั้งสององค์กร เพื่อผลักดันให้เกิดโครงการลงทุนต่าง ๆ ที่เป็นรูปธรรมและเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากยิ่งขึ้น” นายนฤตม์ กล่าว
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า EXIM BANK มุ่งสู่บทบาท Green Development Bank พร้อมเติมความรู้ เติมโอกาส และเติมเงินทุนให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้อย่างยั่งยืน และต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของไทยและโลกโดยรวม ผ่านบริการส่งเสริมการค้าและการลงทุน ทั้งการลงทุนของต่างประเทศในไทย (Foreign Direct Investment : FDI) และการลงทุนโดยตรงของไทยในต่างประเทศ (Thai Direct Investment : TDI) เพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ให้เกิดการจ้างงานและการพัฒนาทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เสริมสร้างความแข็งแกร่งของผู้ประกอบการทุกระดับตลอด Supply Chain โดยเฉพาะ Green Export Supply Chain